ชมพุทธประวัติ ฉบับการ์ตูน

Art of Asia: Buddhism - The Art of Enlightenment

ใครๆก็แก้กฎหมายได้(คุณก็ด้วย)

การแนะแนว"อนาคตประเทศไทยกับ 10 อาชีพสุดฮิพ"จัดโดยมูลนิธิไทยคม 10-11 ต.ค.52

Bookmark and Share

วันอาทิตย์ที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

แต่งตั้ง"ศาสตราจารย์"ใหม่ 8 รายในมหาวิทยาลัยดังทั่วประเทศ

วันที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553 เวลา 17:40:23 น.  มติชนออนไลน์

แต่งตั้ง"ศาสตราจารย์"ใหม่ 8 รายในมหาวิทยาลัยดังทั่วประเทศ

มีประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีเรื่อง แต่งตั้งข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษาตำแหน่งรองศาสตราจารย์(รศ.) ให้ดำรงตำแหน่ง ศาตราจารย์(ศ.)ในสาขาวิชาของมหาวิทยาลัยต่าง ๆ เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2553  จำนวน 8 ราย ดังนี้


1. รศ.ปรานี วงษ์เทศ  ภาควิชามานุษยวิทยา คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร เป็น ศ.ในสาขาวิชามานุษยวิทยา   ตั้งแต่วันที่ 6  ธันวาคม 2549


2. รศ.อรุณี วงศ์ปิยะสถิตย์  ภาควิชารังสีประยุกต์และไอโซโทป คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ใ เป็น ศ.ในสาขาวิชารังสีประยุกต์และไอโซโทป   ตั้งแต่วันที่29 ธันวาคม2549


3. รศ.เอนก กิมสุวรรณ ตำแหน่ง ภาควิชาภาษาปัจจุบันต่างประเทศ (สาขาวิชาภาษาเยอรมัน) คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เป็น ศ.ในสาขาวิชาภาษาเยอรมัน ฯตั้งแต่วันที่ 28 พฤษภาคม 2550


4.. รศ.กรีฑา ธรรมคำภีร์  ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เป็น ศ.ในสาขาวิชาอายุรศาสตร์ ตั้งแต่วันที่ 24 ตุลาคม2550


5.รศ.อภินันท์ สุประเสริฐ  ภาควิชากายวิภาคศาสตร์ คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เป็น ศ.ในสาขาวิชากายวิภาคศาสตร์ ตั้งแต่วันที่ 5  พฤศจิกายน 2550


6.รศ.ศศิพัฒน์ ยอดเพชร  ภาควิชาสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์  เป็น ศ.ในสาขาวิชาสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ (สวัสดิการผู้สูงอายุ)  ตั้งแต่วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2551


7. รศ.พิเชษฐ ลิ้มสุวรรณ ภาควิชาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี  เป็น ศ.ในสาขาวิชาฟิสิกส์ ตั้งแต่วันที่ 2กรกฎาคม2551


8.รศ.อมรรัตน์ พงศ์ดาราภาควิชาชีวเคมี คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เป็น ศ.ในสาขาวิชาชีวเคมีและชีววิทยาโมเลกุล ตั้งแต่วันที่ 3กรกฎาคม 2551


http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1267350431&grpid=&catid=04

--
โปรดอ่านบล็อก
http://www.pridiinstitute.com
http://www.nakkhaothai.com
http://apps.facebook.com/blognetworks/index.php
http://www.roundfinger.com/
http://twitter.com/sweetblog
http://twitter.com/oknewsblog
http://twitter.com/okblogger
http://twitter.com/sat191
http://www.pacc.go.th/
http://twitter.com/okblogchan
http://twitter.com/sun1951
http://twitter.com/smeblogger
http://twitter.com/seminarblog
http://twitter.com/sunnewsblog
http://twitter.com/okworldblog
http://twitter.com/ktblogger
http://twitter.com/sundayblog
http://twitter.com/mondayblog
http://twitter.com/tuesdayblog
http://twitter.com/wednesdayblog
http://twitter.com/thursdayblog
http://twitter.com/fridayblog
http://twitter.com/saturdayblog
http://www.deepsouthwatch.org/node/687

วันพฤหัสบดีที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

วงเสวนาวุฒิฯ จวกยุคมหาดไทยตกต่ำสุด ย้ายขรก.ไม่เป็นธรรม บี้มท.1รับผิดชอบการกระทำ"ศักดิ์สยาม"

วันที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553 เวลา 16:45:52 น. มติชนออนไลน์

วงเสวนาวุฒิฯ จวกยุคมหาดไทยตกต่ำสุด ย้ายขรก.ไม่เป็นธรรม บี้มท.1รับผิดชอบการกระทำ"ศักดิ์สยาม"


ที่อาคารรัฐสภา 2 เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 18 ก.พ. สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา คณะกรรมาธิการการศึกษา ตรวจสอบเรื่องการทุจริตและสร้างธรรมาภิบาล ร่วมกับ คณะอนุกรรมการศึกษาระบบการเสริมสร้างธรรมาภิบาลและตรวจสอบทุจริตในรัฐวิสาหกิจและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาพลังแผ่นดินเชื่องคุณธรรม จัดการสัมมนา "วุฒิสภา-ประชาชน" ในหัวข้อเรื่อง ธรรมาภิบาลในการแต่งตั้งโยกย้าย : ศึกษากรณีกระทรวงมหาดไทย โดย น.ส.รสนา โตสิตระกูล ในฐานะประธานกมธ. การศึกษา ตรวจสอบเรื่องการทุจริตและสร้างธรรมาภิบาล เป็นผู้กล่าวเปิดงาน โดยมีผู้อภิปรายประกอบด้วย นายจาดุร อภิชาตบุตร หัวหน้าผู้ตรวจราชการ กระทรวงมหาดไทย นายเฉลิม ศรีผดุง อดีตรองเลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน นายภิรมย์ สิมะเสถียร กรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม พล.อ.อ.วีรวิท คงศักดิ์ ประธานคณะอนุกรรมการศึกษาระบบการเสริมสร้างธรรมาภิบาล และนายประสาร มฤคพิทักษ์ โฆษกคณะกรรมาธิการ เป็นผู้ดำเนินรายการ

ทั้งนี้ นายประสาร ได้ถามนายจาดุร ว่า ในยุคประจุบัน สีน้ำเงินคุมกระทรวงมหาดไทย และคนที่จะได้รับการแต่งตั้งโยกย้ายจะต้องจบ ม.ศักดิ์สยาม และต้องจบ "เน" จริงหรือไม่ นายจาดุร กล่าวว่า ปัจจุบันเป็นยุคที่กระทรวงมหาดไทยตกต่ำที่สุด ตนจำเป็นที่จะต้องพูด ตนไม่กลัวที่จะพูด แต่ตนกลัวว่า พูดไปแล้วจะไม่เกิดการเปลี่ยนแปลง ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์อย่างแท้จริง เพราะในปัจจุบัน ธรรมาภิบาลในการแต่งตั้งโยกย้าย จะต้องตั้งคนที่มีประสิทธิภาพ มีความรู้ความสามารถ แต่ตอนนี้ไม่มีเลย ก่อนหน้านี้ตนก็เคยได้ยินเรื่องการส่งกระดาษเปล่า และมีคนมาเขียนคำตอบให้ในภายหลัง ตนนึกว่า ได้ยินเพียงคนเดียวไม่แน่ใจว่า เป็นเรื่องจริงรึเปล่า แต่สุดท้ายคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)และสื่อก็ได้ยินเช่นเดียวกับตน ซึ่งเรื่องทั้งหมดเชื่อว่า ทุกคนได้รับข้อมูลที่แท้จริงจากข้าราชการที่ทนไม่ไหวกับพฤติกรรมของคนบางกลุ่ม ที่มักจะมีคำถามว่าเตรียมเงินไว้เท่าใด ถ้าได้เป็นแล้วจะทำอะไรบ้าง

นายจาดุร กล่าวว่า ประธานคณะทำงานรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย ขณะนี้เป็นที่น่าสะพรึงกลัวของบรรดาข้าราชการในกระทรวงมหาดไทยทั้งหลาย เขายากที่จะมาทำหน้าที่ แต่ตอนนี้ไม่มีคำว่าธรรมาภิบาลอยู่ในกระทรวงมหาดไทยแล้ว เพราะในเมื่อหน่วยงานที่ถูกกล่าวหา ไม่สามารถตรวจสอบได้ย่อมถือว่าไม่มีธรรมาภิบาล ตนนี้มีพวกเห็นกระทรวงมหาดไทยเป็นสนามเด็กเล่น ทั้งที่มีอายุสั้น อยู่ได้ไม่เกิน 4 ปี แต่ข้าราชการยังคงต้องอยู่ต่อไปจนกว่าจะเกษียณอายุ ซึ่งทั้งที่จริงแล้วการเมืองจะต้องเป็นกลาง จะแต่งตั้งโยกย้ายก็จะต้องตัดสินอย่างเป็นธรรม อยู่ในฐานะผู้กำหนดนโยบาย อย่ามาล้วงลูก ตอนนี้คงรู้ตัวว่าจะมีการยุบสภา จึงมีการเร่งรีบ ไม่รอบคอบ ประมาท ไม่แยแส ไม่ให้เกียรติ ยึดอำนาจบริการทั้งหมดในกระทรวง เห็นกระทรวงเป็นสนามเด็กเล่น อยากจะทำอะไรก็นึกเอา ข้าราชการบางคนก็ไม่เหลือศักดิ์ศรี ทั้งเราข้าราชการจะต้องมีศักดิ์ศรี แต่กลับมีคนบออกว่าศักดิ์ศรีเป็นเรื่องของความรู้สึก

นายประสาร ถามว่า ตกลงเรื่องการกล่าวถึง จบเน ม.สยาม เป็นอย่างไร นายจาดุร กล่าวว่า ตนไม่รู้จักพวกเขา ไม่เคยไปพบ แต่เห็นนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ ประธานคณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เกาะติด นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยอยู่ไม่ห่าง และถึงแม้ว่าตำแหน่งประธานคณะทำงานฯจะไม่มีกรอบอำนาจ แต่เรื่องที่เกิดขึ้นและเป็นปัญหาอยู่ในกระทรวงขณะนี้ รมว.มหาดไทยจะต้องรับผิดชอบ ทั้งที่ตนก็เชื่อว่านายชวรัตน์ ไม่รู้เรื่อง ทั้งที่ควรจะรู้อะไรบ้าง

นายจาดุร กล่าวต่อว่า ส่วนการเรียกรับเงินเพื่อแรกกับการแต่งตั้งโยกย้ายนั้น ตนขอเรียยกร้องให้คนที่จ่ายเงิน แต่ไม่ได้ตำแหน่งออกมาเปิดเผยความจริง เพราะในสังคมจะต้องมีคนกล้า ไม่ใช่ว่าจ่ายค่าโงไปแล้วแต่ไม่กล้าพูด ก่อนหน้านี้มีปลัดอำเภอหนึ่ง จะสอบเข้าโรงเรียนนายอำเภอ ทั้งที่มีการตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง หลังจากที่มีการกล่าวหาว่ามีการทุจริต ข้อหากินเงินบ่อน แต่เจ้าตัวประกาศว่าจะเข้าโรงเรียนนายอำเภอให้ดู และก็เข้าได้จริงๆ ซึ่งตนเคยทำหนังสือทักท้วงว่าควรจะรอผลการสอบไปแล้ว แต่ก็ไม่เป็นผล ตนจึงต้องการที่จะเรียกร้องไปยังก.พ. ว่าควรที่จะทำหน้าที่ให้มากขึ้นกว่าเดิม ไม่ใช้ออกแต่กฎ

นายจาดุร กล่าวว่า นายชวรัตน์ ท่านควรรู้อะไรบ้าง อย่างน้อยตนอยากให้รู้การกระทำของนายศักดิ์สยาม ว่าดำเนินการเรื่องอะไรลงไปบ้าง โดยเฉพาะเรื่องการซื้อขายตำแหน่งในกระทรวงมหาดไทย ตนเห็นว่ามีจริงเพราะมีคนมาบอก แต่ก็ไม่มีหลักฐาน วิธีการปฏิบัติในการโยกย้ายตำแหน่งเมื่อมีตำแหน่งว่างลงจะมีรายชื่อข้าราชการที่เข้าหลักเกณฑ์ตามบัญชีของกองการเจ้าหน้าที่ แต่ปกรากฎว่ากลับไม่ได้เป็นไปตามนั้น โผแต่งตั้งโยกย้ายขณะนี้ก็ล่าช้าผิดปกติ เพราะไปถามคนที่ไม่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะประธานคณะทำงานรมว.มหาดไทย ทั้งที่โดยปกติ 1 ต.ค.ข้าราชการจะต้องไปรอรับตำแหน่งใหม่กันแล้ว แต่ผ่านมา 4 เดือนก็ยังไม่เสร็จ อธิบดีก็ยืนยันว่าเสนอไปตั้งแต่ส.ค.ปีที่แล้ว

“ผมไม่ได้ตำหนิหรือติเตียนฝ่ายการเมือง แต่เห็นว่าที่บ้านเมืองป่นปี้อย่างทุกวันนี้ ก็เพราะพวกติดทัณฑ์บน พวกโกงเลือกตั้ง และพวกไม่มีสิทธิ์มาปกครอง ที่กระทรวงมหาดไทยเป็นที่รู้อย่างแพร่หลายว่ากองการเจ้าหน้าที่ และปลัดกระทรวงไม่ได้มีความหมายเพราะไม่รู้ว่าใครได้รับการแต่งตั้ง ดังนั้นข้าราชการจะต้องทำกันเองต้องรวมตัวกันตามรัฐธรรมนูญมาตรา 64 ให้ได้ต้องไม่ให้คนไม่ดีครองอำนาจ ก่อนนี้ผมได้ข่าวว่าตำแหน่งอธิบดีเกี่ยวกับการสร้างทางมีการจ่ายกันถึง 300-400 ล้านบาท ผมไม่อยากจะเชื่อ แต่ตอนนี้ผมชักจะเชื่อแล้ว และเขาก็ฉลาดไม่ได้จ่ายเอง แต่มีคนจ่ายให้ พวกนี้รู้จักสอยงบประมาณ เพราะซักจากโครงการซัก 3-4 พันล้าน แค่ 10 เปอร์เซ็นต์ก็ได้ 300 ล้านแล้วและข้าราชการก็ได้ด้วย แต่ถือว่าคนพวกนี้มีจิตสำนึกต่อ” นายจาดุร กล่าว

ขณะที่นายไพฑูรย์ บุญวัฒน์ อดีตรองปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า กรณีการซื้อขายเพื่อเข้าโรงเรียนนายอำเภอ ตอนแรกสร้างขึ้นมาเพื่อคัดคน สร้างคนเพื่อมีศักดิ์ศรี มาปกครองประชาชน แต่ปัจจุบัน กลับมีแต่การใช้เงินซื้อ ศักดิ์ศรีจึงไม่มีเหลือแล้ว สำหรับวงการมหาดไทยขณะนี้นับได้ว่าเป็นวงการที่อัปยศอดสูมากที่สุด โดยเฉพาะ เรื่องผู้หญิง ที่มีการเรียกไปกอดไล่ปล้ำ ถึงห้องทำงาน รวมทั้งมีความไม่เป็นธรรมเกิดขึ้นมากมาย ขณะที่เรื่องการแบ่งสีแบ่งข้าง ตอนแรกมีสิงห์เแดง สิงห์เหลือง แต่ขณะนี้สีน้ำเงินกลืนไปหมดแล้ว ตนขอยืนยันว่าข้อมูลที่ตนนำมาเปิดเผยในครั้งก่อนเป็นความจริง(แถลงข่าวเปิดเผยตัวเลขการซื้อข่ายตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด 20 ล้าน รอผู้ว่าฯ 17 ล้าน และนายอำเภอ 1 ล้าน)

ด้านนายภิรมย์ สิมะเสถียร กรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม กล่าวว่า การแต่งตั้งโยกย้ายความจริง มีหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้อยู่แล้ว คือใช้ความรู้ความสามารถมาพิจารณา แต่พอเอาเข้าใจ รัฐมนตรี กลับให้ที่ปรึกษา มาชี้ตัวว่าจะเอาใครคนนั้นคนนี้ เดี๋ยวนี้รัฐมนตรี ไม่ต้องเซ็น ในการแต่งตั้งโยกย้ายแล้ว เพราะการส่งที่ปรึกษาฯมาชี้ตัวจะได้ไม่มีหลักฐาน สาวไปถึง ปัญหาที่เกิดขึ้นทั้งหมด เกิดจากการมีระบบ แต่ไม่ใช้ระบบอย่างถูกต้อง กลับอาศัยช่องทางลัด เพื่อแสวงหาความก้าวหน้า อย่างไรก็ตามเห็นว่าควรจะมีกรรมการสรรหาที่นำคนภายนอกมาพิจารณาแต่งตั้งเหมือนกับหน่วยงาน ทั้งเพื่อถ่วงดุลกับผู้มีอำนาจ รวมทั้งจะต้องเปิดเผยถึงรายละเอียดของการลงมติการแต่งตั้งโยกย้ายเพื่อความโปร่งใส ว่าคนที่ได้รับเลือกด้วยเหตุผลอะไร คนที่ไม่ได้เป็นเพราะอะไร

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1266486397&grpid=00&catid=00

วันจันทร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

เบื้องหลังการทดสอบจีที 200

เบื้องหลังการทดสอบจีที 200

เบื้องหลังการทดสอบจีที 200

 จีที 200

ดีเดย์ตรวจสอบจีที 200 วันที่ 14 ก.พ.
คกก.ตรวจสอบจีที 200 กำหนดวันทดสอบ 14 ก.พ. ที่บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร พร้อมปฏิเสธคำท้าของนักพิสูจน์...


ข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับเบื้องหลังการทดสอบจากอาจารย์ประจำคณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่เผยผ่านเว็บไซต์พันทิปดอทคอม

Content by VoiceTV
15 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา 19:43 น.
View 162 : comment 0
http://www.voicetv.co.th/content/8487/%E0%B9%80%E0%B8%9A%E0%B8%B7%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%97%E0%B8%94%E0%B8%AA%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B8%88%E0%B8%B5%E0%B8%97%E0%B8%B5200

สบท.เสนอ สคบ.ออกมาตรการห้ามส่งเสริมการขายโทรรบกวน ปชช.

สบท.เสนอ สคบ.ออกมาตรการห้ามส่งเสริมการขายโทรรบกวน ปชช.

         นาย ประวิทย์  ลี่สถาพรวงศา ผู้อำนวยการสถาบันคุ้มครองผู้บริโภค ในกิจการโทรคมนาคม (สบท.) กล่าวในเวทีเสวนาหัวข้อ"สิทธิผู้บริโภคสื่อ กับแนวทางแก้ไขและการเรียกร้อง" ซึ่งจัดโดยเครือข่ายครอบครัวเฝ้าระวัง และสร้างสรรค์สื่อ ร่วมกับเครือข่ายผู้บริโภค มีการพูดคุยถึงความเดือดร้อนของผู้บริโภค จากการรับข้อความสั้น และอีเมล์ขยะ โดยเสนอให้สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ออกมาตรการห้ามโทรรบกวน โดยเป็นการให้โอกาสประชาชนปฏิเสธที่จะไม่รับโทรศัพท์ส่งเสริมการขายทุก ประเภท ด้วยการลงทะเบียนกับหน่วยงานรับผิดชอบ นอกจากนี้ภาครัฐควรจะควบคุมค่าบริการที่แพงเกินจริง และการให้บริการที่ไม่เหมาะสม เช่น ภาพลามกอนาจาร
         ขณะที่นายแบงค์ งามอรุณโชติ นักศึกษาปริญญาโท คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้พูดถึงปัญหาสื่ออิเล็กทรอนิกส์ว่า คุกคามชีวิตประจำวัน ทั้งสร้างความรำคาญ และการนำเบอร์โทรศัพท์ ซึ่งถือเป็นข้อมูลส่วนตัวไปใช้ในทางธุรกิจ จึงเสนอให้มีกฎหมายควบคุมผู้ประกอบการสื่ออิเล็กทรอนิกส์ หรือมีช่องทางให้ผู้บริโภค สามารถเลือกรับข่าวสารได้ รวมถึงเรียกร้องค่าเสียหายจากผู้ประกอบการที่ทำผิด
         ด้านนายอิทธิพล ปรีติประสงค์ อาจารย์ประจำสถาบันแห่งชาติ เพื่อการพัฒนาเด็ก และครอบครัว มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า คนส่วนใหญ่ยังไม่รับรู้ถึงสิทธิพื้นฐานของผู้บริโภค ทำให้ถูกละเมิดสิทธิเพิ่มขึ้น ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตที่ถูกคุกคามจากสื่อรูปแบบต่างๆ สิทธิขั้นพื้นฐานของการบริโภค เช่น สิทธิการได้รับข้อมูลข่าวสารครบถ้วนถูกต้อง สิทธิการเข้าถึงสื่อที่เหมาะสมในแต่ละช่วงวัย และสิทธิที่จะได้รับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

ที่มา:  ASTVผู้จัดการออนไลน์ วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2553

ข่าวจากแหล่งอื่น:


ขอเชิญอ่าน blog.Thank you so much.
http://www.thaifreedompress.blogspot.com/
http://sunblog1951.blogspot.com/ sunday
http://blogpwd.blogspot.com/ pwd9
http://ktblog1951.blogspot.com/ pwday
http://newsblog9.blogspot.com/ news
http://bloghealth99.blogspot.com/ health
http://labour9.blogspot.com/ labour
http://www.media4democracy.com/th/
http://www.youngtelecom.org/
http://www.logex.kmutt.ac.th/
http://www.mict4u.net/thai/
http://www.chula.ac.th/visitors/thai/calendar.htm
http://www.agkmstou.com/2008/index.php
http://www.baanjomyut.com/library/lotus/index.html
http://www.asianbarometer.org/newenglish/introduction/default.htm
http://www.isriya.com/node/2809
/wordcamp-bangkok-2009-pool-party
C:\Documents and Settings\user\My Documents\ไฟล์ที่ได้รับของฉัน\issarachon1101.wma
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=hiansoon

วันอาทิตย์ที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

ร่วมลงชื่อสนับสนุนการสร้างทัศนคติที่ดี ต่อ คนยากไร้ คนยากจน คนไร้ที่พึ่งได้ส่งข้อความถึงคุณใน Facebook


 



 
จาก: Facebook <notification+yrbb2xkx@facebookmail.com>
วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2553, 0:32
หัวเรื่อง: ร่วมลงชื่อสนับสนุนการสร้างทัศนคติที่ดี ต่อ คนยากไร้ คนยากจน คนไร้ที่พึ่งได้ส่งข้อความถึงคุณใน Facebook
ถึง: 

นที สรวารีได้ส่งข้อความไปยังสมาชิกของกลุ่มร่วมลงชื่อสนับสนุนการสร้างทัศนคติที่ดี ต่อ คนยากไร้ คนยากจน คนไร้ที่พึ่ง

--------------------
เรื่อง คุณทำได้ เพียงแค่ยอมรับคนที่ยากไร้

ในบ้านนี้เมืองนี้ มีคนหลากหลายคน ที่มีทัศนคติทางลบ กับคนยากไร้ คนยากจน คนไร้ที่พึ่ง เพียงเพราะเขาเหล่านั้นมีบางสิ่ง ไม่เท่ากันกับเรา

ร่วมเรียกร้อง สนับสนุน ให้สังคมไทย ปรับทัศนคติ ให้มองคนเป็นคน เป็นเพื่อนพลเมืองในสังคมที่เท่ากัน

ไม่อยากให้คนทั่วไปมองว่า คนไร้ที่พึ่ง ที่ออก มาใช้ชีวิตในที่สาธารณะ เป็นคนขี้เกียจ ไม่เอาไหน แต่ อยากให้ มาช่วยกัน คิดค้น สืบค้น รากของปัญหาที่แท้จริง แล้วร่วมกัน เยียวยาเขา เพื่อให้กลับมายืนในสังคมได้เท่ากันกับคนอื่น ๆ ในสังคม มากกว่าการยัดเยียดบ้านให้อยู่ อย่างที่พยายามทำกันอยู่

ที่สำคัญ เราไม่จำเป็นต้องพึ่งพา การสนับสนุนจากต่างประเทศแม้แต่เซ็นต์เดียว มาโดยตลอด เกือบ สิบปี เราเน้นการทำงาน สรางความเข้าใจ เห็นใจ และ ยอมรับในตัวตนของเขา เรา ปรับคนกำลังจะบ้า ให้เป็นดี ได้ เพียงการมาทักและคุยกับเขา ตลอดเวลา ที่ผ่านมา คุณ ก็ทำได้ งานง่าย ๆ แค่ ยิ้ม ทักทาย พูดคุย ซักถาม และให้ข้อมูลต่าง ๆ ที่เขาควรจะรับทราบ ในฐานะของ พลเมืองของไทย
--------------------

หากต้องการตอบกลับข้อความนี้ ให้คลิกตามลิงก์ด้านล่างนี้
http://www.facebook.com/n/?inbox%2Freadmessage.php&t=1204461957625&mid=1e0df76G516062f6G1832561G0





--
ขอเชิญอ่าน  blog.Thank you so much.
chan
http://integration9.blogspot.com/ integration
http://sundara21.blogspot.com/      sandara
http://same111.blogspot.com/        culture
http://sea-canoe.blogspot.com/      seacanoe
www.pil.in.th
http://www.openthaidemocracy.com




--
โปรดอ่านบล็อก
http://www.pridiinstitute.com
http://www.nakkhaothai.com
http://twitter.com/sweetblog
http://twitter.com/oknewsblog
http://twitter.com/okblogger
http://twitter.com/sat191
http://www.pacc.go.th/
http://twitter.com/okblogchan
http://twitter.com/sun1951
http://twitter.com/smeblogger
http://twitter.com/seminarblog
http://twitter.com/sunnewsblog
http://twitter.com/okworldblog
http://twitter.com/ktblogger
http://twitter.com/sundayblog
http://twitter.com/mondayblog
http://twitter.com/tuesdayblog
http://twitter.com/wednesdayblog
http://twitter.com/thursdayblog
http://twitter.com/fridayblog
http://twitter.com/saturdayblog
http://www.youtube.com/user/naiissarachon#p/a/u/0/34ZvscsnCbA

มาตรฐานของสัญญาให้บริการโทรคมนาคม พ.ศ. ๒๕๔๙

มาตรฐานของสัญญาให้บริการโทรคมนาคม พ.ศ. ๒๕๔๙

หน้า ๗เล่ม ๑๒๓ ตอนพิเศษ ๙๙ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๕ กันยายน ๒๕๔๙ประกาศคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติเรื่อง มาตรฐานของสัญญาให้บริการโทรคมนาคมพ.ศ. ๒๕๔๙อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๕๑ (๑๐) แห่งพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. ๒๕๔๓ อันเป็นพระราชบัญญัติที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ประกอบกับมาตรา ๓๔ มาตรา ๓๗ มาตรา ๓๙ มาตรา ๔๐ มาตรา ๔๑ มาตรา ๔๕ มาตรา ๕๐และมาตรา ๕๗ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย และมาตรา ๕๑ แห่งพระราชบัญญัติการประกอบกิจการโทรคมนาคมพ.ศ. ๒๕๔๔ อันเป็นพระราชบัญญัติที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๓๔ มาตรา ๓๗ มาตรา ๓๙ มาตรา ๔๘ และมาตรา ๕๐ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ จึงกำหนดมาตรฐานของสัญญาให้บริการโทรคมนาคมไว้ดังต่อไปนี้ข้อ ๑ ประกาศนี้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไปข้อ ๒ บรรดาประกาศ ข้อบังคับ และคำสั่งอื่นใด ในส่วนที่มีกำหนดไว้แล้วในประกาศนี้หรือซึ่งขัดหรือแย้งกับประกาศนี้ ให้ใช้ประกาศนี้แทนข้อ ๓ ในประกาศนี้“บริการโทรคมนาคม” หมายความว่า บริการโทรคมนาคมที่ผู้รับใบอนุญาตให้แก่ผู้ใช้บริการตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบกิจการโทรคมนาคมและตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการประกาศกำหนด“ผู้ให้บริการ” หมายความว่า ผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคม และให้หมายความรวมถึงผู้ได้รับอนุญาต สัมปทาน หรือสัญญาจากการสื่อสารแห่งประเทศไทยหรือองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย กระทรวงคมนาคม กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารหรือหน่วยงานรัฐอื่นใด ก่อนวันที่พระราชบัญญัติการประกอบกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. ๒๕๔๔ ใช้บังคับหน้า ๘เล่ม ๑๒๓ ตอนพิเศษ ๙๙ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๕ กันยายน ๒๕๔๙“ผู้ใช้บริการ” หมายความว่า ผู้ใช้บริการโทรคมนาคมปลายทางของผู้ให้บริการแต่ไม่รวมถึงผู้ใช้บริการที่เป็นผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมซึ่งนำบริการโทรคมนาคมที่ได้รับในฐานะผู้ใช้บริการไปประกอบกิจการอีกทอดหนึ่ง“สัญญา” หมายความว่า สัญญาให้บริการโทรคมนาคมระหว่างผู้ให้บริการกับผู้ใช้บริการไม่ว่าจะทำในรูปแบบใด“แบบสัญญา” หมายความว่า แบบของสัญญาให้บริการโทรคมนาคมที่ผู้ให้บริการจัดทำขึ้นโดยมีการกำหนดข้อกำหนดหรือเงื่อนไขเกี่ยวกับสิทธิ และหน้าที่ของผู้ให้บริการและผู้ใช้บริการไว้ล่วงหน้า เพื่อประโยชน์ในการจัดทำสัญญา“ค่าบริการ” หมายความว่า ค่าธรรมเนียม ค่าบริการ หรือค่าใช้จ่ายอื่นใดที่ผู้รับใบอนุญาตเรียกเก็บจากผู้ให้บริการอันเนื่องมาจากการที่ผู้ใช้บริการได้ใช้ประโยชน์หรือจะใช้ประโยชน์ในบริการโทรคมนาคมที่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบกิจการโทรคมนาคม“คณะกรรมการ” หมายความว่า คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติข้อ ๔ สัญญาจะมีผลผูกพันและใช้บังคับได้ ต้องเป็นไปตามแบบสัญญาที่คณะกรรมการได้ให้ความเห็นชอบแล้วหรือที่คณะกรรมการประกาศกำหนดแบบของสัญญาไว้เป็นการเฉพาะ เว้นแต่คณะกรรมการจะประกาศกำหนดให้สัญญาลักษณะหรือประเภทใด ได้รับยกเว้นไม่ต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการแบบสัญญาที่คณะกรรมการจะให้ความเห็นชอบต้องทำเป็นลายลักษณ์อักษร มีรูปแบบและสาระสำคัญไม่ขัดต่อกฎหมายว่าด้วยการประกอบกิจการโทรคมนาคม และเป็นไปตามที่กำหนดไว้ในประกาศนี้ในกรณีที่คณะกรรมการเห็นว่ารูปแบบหรือสาระสำคัญของแบบสัญญาไม่เป็นไปตามที่กำหนดในวรรคสอง คณะกรรมการมีอำนาจสั่งให้ดำเนินการแก้ไขภายในระยะเวลาที่กำหนดข้อ ๕ ก่อนนำแบบสัญญาไปใช้ในการประกอบกิจการ ผู้ให้บริการต้องจัดส่งแบบสัญญาให้คณะกรรมการพิจารณาล่วงหน้าไม่น้อยกว่าหกสิบวัน ในกรณีที่คณะกรรมการต้องการข้อมูลหรือรายละเอียดเพิ่มเติมเพื่อประกอบการพิจารณา ผู้ให้บริการจะต้องส่งข้อมูลและรายละเอียดเพิ่มเติมตามที่คณะกรรมการกำหนดแบบสัญญาใดที่คณะกรรมการได้ให้ความเห็นชอบแล้ว หากต่อมาผู้ให้บริการประสงค์จะแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อกำหนด หรือเงื่อนไขเกี่ยวกับการให้บริการ อันอาจมีผลกระทบต่อสิทธิหน้า ๙เล่ม ๑๒๓ ตอนพิเศษ ๙๙ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๕ กันยายน ๒๕๔๙หน้าที่ หรือประโยชน์อันพึงได้รับของผู้ใช้บริการ ผู้ให้บริการต้องเสนอให้คณะกรรมการพิจารณาให้ความเห็นชอบล่วงหน้าไม่น้อยกว่าสามสิบวัน เว้นแต่เป็นข้อกำหนดหรือเงื่อนไขเกี่ยวกับการให้บริการที่คณะกรรมการประกาศยกเว้นให้ดำเนินการได้โดยไม่ต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการในกรณีดังกล่าวให้ผู้ให้บริการแจ้งให้คณะกรรมการทราบอย่างช้าไม่เกินสามสิบวันหลังจากที่ได้ดำเนินการแล้วการเปลี่ยนแปลงในสาระสำคัญของระบบ เทคโนโลยี หรืออุปกรณ์ใด ๆ อันส่งผลกระทบทำให้ประสิทธิภาพในการให้บริการต่ำลง หรือกระทบต่อสิทธิ หน้าที่ หรือประโยชน์อันพึงได้รับของผู้ใช้บริการตามสัญญา ให้ถือว่ามีผลเป็นการแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อกำหนดหรือเงื่อนไขในการให้บริการและต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการก่อนโดยให้ดำเนินการเช่นเดียวกับกรณีตามวรรคหนึ่งหมวด ๑สัญญาให้บริการโทรคมนาคมข้อ ๖ ผู้ให้บริการมีหน้าที่ต้องแจ้งรายละเอียดของการให้บริการโทรคมนาคมในแต่ละบริการอย่างชัดเจน และครบถ้วน ผ่านสื่อที่ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงและเข้าใจได้ง่ายเพื่อให้ผู้บริโภคทราบและใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจในการเข้าทำสัญญาและเลือกใช้บริการได้อย่างถูกต้อง โดยอย่างน้อยต้องมีสาระสำคัญในเรื่องดังต่อไปนี้(๑) ชื่อ ที่ตั้งสำนักงานใหญ่ สำนักงานสาขาของผู้ให้บริการ(๒) ลักษณะและประเภทบริการ(๓) มาตรฐานและคุณภาพในการให้บริการ(๔) อัตราค่าบริการและวิธีการเรียกเก็บค่าบริการ ยกเว้น กรณีการให้บริการใช้เครือข่ายร่วมระหว่างประเทศ (International Roaming) ซึ่งผู้ให้บริการมิได้เป็นผู้กำหนดอัตราค่าบริการโดยตรง(๕) ข้อจำกัดตลอดจนเงื่อนไขในการให้บริการ(๖) เหตุแห่งการปฏิเสธการให้บริการในกรณีที่คณะกรรมการเห็นว่าการแจ้งรายละเอียดของผู้ให้บริการไม่เป็นไปตามวรรคหนึ่งและมีคำสั่งให้แก้ไขหรือเพิ่มเติม ผู้ให้บริการต้องดำเนินการแก้ไขให้ถูกต้องและครบถ้วนภายในระยะเวลาที่คณะกรรมการกำหนดหน้า ๑๐เล่ม ๑๒๓ ตอนพิเศษ ๙๙ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๕ กันยายน ๒๕๔๙ข้อ ๗ แบบสัญญาต้องเป็นข้อกำหนดและเงื่อนไขที่ชัดเจน โดยใช้ข้อความเป็นภาษาไทยที่เข้าใจง่ายและสามารถเห็นและอ่านได้ชัดเจน มีขนาดของตัวอักษรไม่เล็กกว่าสองมิลลิเมตรแบบสัญญาและการแก้ไขเปลี่ยนแปลงแบบสัญญาหรือเงื่อนไขเกี่ยวกับการให้บริการที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการแล้ว ผู้ให้บริการต้องจัดให้มีการเผยแพร่แบบสัญญาและเงื่อนไขดังกล่าวให้ประชาชนได้ทราบผ่านสื่อที่ผู้ใช้บริการเข้าถึงและเข้าใจได้ง่ายเป็นการทั่วไปโดยเร็วข้อ ๘ สัญญาย่อมเกิดขึ้นเมื่อคู่สัญญาได้แสดงเจตนาเสนอและสนองถูกต้องตรงกัน โดยชัดแจ้งว่าผู้ให้บริการตกลงให้บริการโทรคมนาคม และผู้ใช้บริการตกลงใช้บริการโทรคมนาคมของผู้ให้บริการในกรณีที่ผู้ใช้บริการมิได้ปฏิเสธข้อเสนอเกี่ยวกับบริการใดของผู้ให้บริการจะถือว่าผู้ใช้บริการได้แสดงเจตนาตกลงใช้บริการนั้นของผู้ให้บริการมิได้ เว้นแต่เป็นกรณีที่ผู้ใช้บริการได้ใช้บริการนั้นอยู่แล้ว และประสงค์จะใช้บริการนั้นต่อไปในการพิจารณาคำขอใช้บริการ ผู้ให้บริการจะกระทำการอันมีลักษณะเป็นการเลือกปฏิบัติแบ่งแยก หรือกีดกันผู้ขอใช้บริการรายหนึ่งรายใดโดยไม่มีเหตุผลอันสมควรมิได้ และการปฏิเสธมิให้ผู้ใช้บริการรายหนึ่งรายใดเข้าทำสัญญาใช้บริการโทรคมนาคมจะต้องเป็นเหตุตามที่ได้แจ้งรายละเอียดเหตุแห่งการปฏิเสธให้ผู้ใช้บริการทราบตามข้อ ๖ (๖) แล้วเท่านั้นข้อ ๙ เมื่อได้ทำสัญญาแล้ว ผู้ให้บริการต้องจัดทำสำเนาสัญญานั้นเป็นหนังสือและส่งมอบให้แก่ผู้ใช้บริการ หรือออกหลักฐานอย่างอื่นที่ผู้ใช้บริการสามารถใช้เป็นหลักฐานได้เช่นเดียวกับหนังสือในกรณีที่ผู้ใช้บริการมีคำขอเช่นนั้นความในวรรคหนึ่งมิให้ใช้บังคับแก่การให้บริการโทรศัพท์ระหว่างประเทศหรือบริการโทรคมนาคมที่เรียกเก็บค่าธรรมเนียมหรือค่าบริการเป็นการล่วงหน้าซึ่งไม่มีการทำสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษร ทั้งนี้ ผู้ให้บริการจะต้องแสดงอัตราค่าบริการให้ผู้ใช้บริการทราบล่วงหน้าเป็นการทั่วไปอย่างชัดแจ้ง คณะกรรมการอาจกำหนดเงื่อนไขเพิ่มเติมเกี่ยวกับการให้บริการดังกล่าวเพื่อประโยชน์ในการคุ้มครองผู้บริโภคด้วยก็ได้ข้อ ๑๐ สัญญาอย่างน้อยจะต้องมีสาระสำคัญเกี่ยวกับสิทธิหน้าที่ระหว่างผู้ให้บริการและผู้ใช้บริการดังต่อไปนี้(๑) มีข้อกำหนดเกี่ยวกับลักษณะและประเภทของบริการ(๒) มีข้อกำหนดเกี่ยวกับมาตรฐานการให้บริการของผู้ให้บริการหน้า ๑๑เล่ม ๑๒๓ ตอนพิเศษ ๙๙ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๕ กันยายน ๒๕๔๙(๓) มีข้อกำหนดเกี่ยวกับหน้าที่และความรับผิดชอบของผู้ให้บริการและผู้ใช้บริการที่ชัดเจนและเป็นธรรม(๔) มีข้อกำหนดเกี่ยวกับอัตราค่าธรรมเนียม และค่าบริการอย่างครบถ้วน เป็นธรรมและจะต้องมีข้อกำหนดรับรองการไม่เรียกเก็บค่าธรรมเนียม หรือค่าบริการนอกเหนือจากที่กำหนดไว้ทั้งนี้ สัญญาดังกล่าวจะต้องไม่มีข้อกำหนดที่มีลักษณะเป็นการเลือกปฏิบัติ แบ่งแยกกีดกัน หรือไม่เป็นธรรมแก่ผู้ใช้บริการข้อ ๑๑ การให้บริการโทรคมนาคมในลักษณะที่เรียกเก็บค่าธรรมเนียมหรือค่าบริการเป็นการล่วงหน้าจะต้องไม่มีข้อกำหนดอันมีลักษณะเป็นการบังคับให้ผู้ใช้บริการต้องใช้บริการภายในระยะเวลาที่กำหนด เว้นแต่ ผู้ให้บริการจะได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการเป็นการล่วงหน้าทั้งนี้ คณะกรรมการอาจกำหนดเงื่อนไขการให้บริการประกอบด้วยก็ได้ เช่น การถ่ายโอนมูลค่าที่เหลืออยู่การคืนเงินค่าบริการในส่วนที่ไม่ได้ใช้บริการ การกำหนดระยะเวลาขั้นต่ำในการใช้บริการ การขึ้นทะเบียนชื่อที่อยู่ของผู้ใช้บริการ เป็นต้น ในการนี้คณะกรรมการอาจจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นสาธารณะหรือรับฟังความคิดเห็นจากผู้บริโภคด้วยก็ได้ผู้ให้บริการตามวรรคหนึ่งต้องเผยแพร่แบบสัญญาที่คณะกรรมการเห็นชอบแล้วเป็นการทั่วไป และแจ้งให้ผู้ใช้บริการทราบเป็นหนังสือก่อนเริ่มใช้บริการข้อ ๑๒ ในการทำสัญญา ผู้ให้บริการจะขอให้ผู้ใช้บริการให้ข้อมูลส่วนบุคคลเกินกว่าความจำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามสัญญามิได้ เว้นแต่ผู้ใช้บริการได้ให้ความยินยอมโดยชัดแจ้งและผู้ให้บริการได้แจ้งวัตถุประสงค์ของการขอข้อมูลดังกล่าวให้แก่ผู้ใช้บริการทราบล่วงหน้าแล้วผู้ให้บริการจะนำข้อมูลที่ได้มาจากการให้บริการแก่ผู้ใช้บริการนั้นไปใช้เพื่อประโยชน์อย่างอื่นโดยมิได้รับความยินยอมโดยชัดแจ้งจากผู้ใช้บริการมิได้ เว้นแต่เป็นการใช้เพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติตามกฎหมายหมวด ๒สิทธิและหน้าที่ของผู้ให้บริการและผู้ใช้บริการข้อ ๑๓ ผู้ให้บริการมีหน้าที่ต้องให้บริการโทรคมนาคมตามมาตรฐานและคุณภาพการให้บริการตามที่ได้โฆษณาหรือแจ้งให้ผู้ใช้บริการทราบ โดยมาตรฐานและคุณภาพ การให้บริการดังกล่าวต้องไม่ต่ำกว่าหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการประกาศกำหนดหน้า ๑๒เล่ม ๑๒๓ ตอนพิเศษ ๙๙ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๕ กันยายน ๒๕๔๙ในกรณีที่มีข้อโต้แย้งว่าการให้บริการโทรคมนาคมไม่เป็นไปตามมาตรฐานและคุณภาพการให้บริการตามที่กำหนดไว้ในวรรคหนึ่ง ผู้ให้บริการมีภาระในการพิสูจน์ข้อโต้แย้งดังกล่าวและต้องดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อเป็นการแก้ไขเยียวยาความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ผู้ใช้บริการอย่างเป็นธรรมข้อ ๑๔ ในกรณีที่เกิดเหตุขัดข้องขึ้นกับการให้บริการโทรคมนาคมของผู้ให้บริการจนเป็นเหตุให้ผู้ใช้บริการไม่สามารถใช้บริการได้ตามปกติ ผู้ให้บริการมีหน้าที่ต้องดำเนินการแก้ไขเพื่อให้ผู้ใช้บริการสามารถใช้บริการโทรคมนาคมได้โดยเร็วและผู้ให้บริการไม่มีสิทธิเรียกเก็บค่าบริการในช่วงเวลาที่เกิดเหตุขัดข้องดังกล่าวได้ เว้นแต่ผู้ให้บริการพิสูจน์ได้ว่าเหตุขัดข้องดังกล่าวเกิดขึ้นจากความผิดของผู้ใช้บริการข้อ ๑๕ ในกรณีที่ผู้ให้บริการได้ส่งมอบเครื่องอุปกรณ์หรือสิ่งอื่นที่เกี่ยวข้องให้แก่ผู้ใช้บริการโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายหรือคิดค่าใช้จ่ายในราคาที่ต่ำกว่าราคาตลาดของค่าอุปกรณ์ ในขณะที่ส่งมอบเพื่อประโยชน์ในการใช้บริการโทรคมนาคมนั้น ผู้ให้บริการจะถือเอาเหตุดังกล่าวมากำหนดเป็นเงื่อนไขอันก่อให้เกิดภาระแก่ผู้ใช้บริการหรือเรียกเก็บค่าปรับหรือค่าเสียหายจากการที่ผู้ใช้บริการยกเลิกสัญญาก่อนกำหนดมิได้ผู้ใช้บริการที่ได้รับมอบเครื่องอุปกรณ์หรือสิ่งอื่นที่เกี่ยวข้องตามวรรคหนึ่งมีหน้าที่ต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้เครื่องอุปกรณ์ดังกล่าว และต้องส่งคืนให้แก่ผู้ให้บริการเมื่อสัญญาสิ้นสุดลง หากผู้ใช้บริการก่อให้เกิดความเสียหายแก่เครื่องอุปกรณ์นั้น ผู้ให้บริการมีสิทธิเรียกให้ผู้ใช้บริการรับผิดชดใช้ค่าเสียหายตามความเสียหายที่เกิดขึ้นจริงแก่เครื่องอุปกรณ์ดังกล่าวได้ ทั้งนี้จะต้องไม่เกินกว่าราคาตลาดของค่าอุปกรณ์ดังกล่าวในขณะนั้นในกรณีที่ผู้ให้บริการประสงค์จะคิดค่าใช้จ่ายจากการส่งมอบเครื่องอุปกรณ์หรือสิ่งอื่นที่เกี่ยวข้องตามวรรคหนึ่งจากผู้ใช้บริการ ค่าใช้จ่ายดังกล่าวจะต้องไม่เกินอัตราที่คณะกรรมการประกาศกำหนดหมวด ๓สิทธิและหน้าที่ในการเรียกเก็บและการชำระค่าบริการข้อ ๑๖ ผู้ให้บริการต้องเรียกเก็บค่าธรรมเนียมและค่าบริการไม่เกินอัตราขั้นสูงที่คณะกรรมการประกาศกำหนด และต้องเป็นอัตราตามที่ได้มีการตกลงไว้ในสัญญาโดยต้องเรียกเก็บหน้า ๑๓เล่ม ๑๒๓ ตอนพิเศษ ๙๙ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๕ กันยายน ๒๕๔๙จากผู้ใช้บริการของตนในอัตราเดียวกันสำหรับบริการโทรคมนาคมที่มีลักษณะหรือประเภทเดียวกันและไม่มีลักษณะเป็นการเลือกปฏิบัติ แบ่งแยก หรือกีดกันผู้ใช้บริการรายหนึ่งรายใดข้อ ๑๗ ผู้ให้บริการต้องจัดส่งใบแจ้งรายการการใช้บริการโทรคมนาคมของผู้ใช้บริการเพื่อเรียกเก็บค่าธรรมเนียมและค่าบริการให้ผู้ใช้บริการทราบล่วงหน้าเป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่าสิบห้าวันก่อนวันครบกำหนดชำระ โดยใบแจ้งรายการดังกล่าวจะต้องแสดงรายละเอียดเกี่ยวกับอัตราค่าธรรมเนียมอัตราค่าใช้บริการ และการคำนวณค่าธรรมเนียมและค่าบริการในลักษณะที่ชัดเจนเพียงพอเพื่อให้ผู้ใช้บริการสามารถเข้าใจถึงที่มาของค่าใช้จ่ายที่ปรากฏอยู่ในใบแจ้งรายการนั้นได้ใบแจ้งรายการใช้บริการโทรคมนาคมของผู้ใช้บริการตามวรรคหนึ่ง จะต้องกำหนดถึงวิธีการต่าง ๆ ในการรับชำระเงินของผู้ให้บริการไว้โดยชัดแจ้ง เพื่อประโยชน์ในการชำระเงินของผู้ใช้บริการความในข้อนี้มิให้ใช้บังคับกับกรณี ดังต่อไปนี้(๑) กรณีการให้บริการในลักษณะที่เรียกเก็บค่าธรรมเนียมหรือค่าบริการเป็นการล่วงหน้าซึ่งไม่สามารถส่งใบแจ้งเรียกเก็บค่าธรรมเนียมหรือค่าบริการ ทั้งนี้ ผู้ให้บริการจะต้องแจ้งรายละเอียดเกี่ยวกับอัตราค่าธรรมเนียม ค่าใช้บริการ และวิธีการคำนวณค่าธรรมเนียมและค่าบริการที่ชัดเจน รวมถึงค่าบริการที่เรียกเก็บเป็นการล่วงหน้าที่เหลืออยู่ ให้ผู้ใช้บริการทราบเป็นลายลักษณ์อักษร(๒) กรณีที่ผู้ใช้บริการได้ทำความตกลงกับผู้ให้บริการเพื่อยกเว้นการแสดงรายละเอียดในใบแจ้งรายการใช้บริการดังกล่าวข้อ ๑๘ ผู้ให้บริการต้องกำหนดวิธีการในการส่งใบแจ้งรายการการใช้บริการโทรคมนาคมเพื่อเรียกเก็บค่าธรรมเนียมหรือค่าบริการให้ชัดแจ้ง และต้องแจ้งให้ผู้ใช้บริการทราบเป็นหนังสือไปยังสถานที่ติดต่อของผู้ใช้บริการที่ได้แจ้งไว้ หรือโดยวิธีการอื่นหากผู้ใช้บริการได้ยินยอมหรือประสงค์ให้แจ้งโดยวิธีการอื่นนั้นข้อ ๑๙ ผู้ให้บริการจะเรียกเก็บค่าธรรมเนียม ค่าบริการ หรือค่าใช้จ่ายอื่นนอกเหนือจากที่กำหนดไว้ในสัญญามิได้ข้อ ๒๐ ผู้ให้บริการจะกำหนดให้ผู้ใช้บริการต้องวางเงินประกันหรือต้องชำระเงินอื่นที่มีลักษณะเช่นเดียวกับเงินประกันเพื่อใช้บริการโทรคมนาคมของผู้ให้บริการมิได้หน้า ๑๔เล่ม ๑๒๓ ตอนพิเศษ ๙๙ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๕ กันยายน ๒๕๔๙ข้อ ๒๑ ผู้ให้บริการจะกำหนดให้ผู้ใช้บริการต้องชำระดอกเบี้ย เบี้ยปรับ หรือเงินอื่นใดในลักษณะดังกล่าว ในกรณีที่ผู้ใช้บริการผิดนัดชำระค่าบริการให้เกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนดหรือที่คณะกรรมการให้ความเห็นชอบมิได้ข้อ ๒๒ ในกรณีที่ผู้ใช้บริการเห็นว่าผู้ให้บริการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมหรือค่าบริการสูงกว่าอัตราขั้นสูงที่คณะกรรมการกำหนดตามข้อ ๑๖ หรือสูงกว่าที่เรียกเก็บจากผู้ใช้บริการรายอื่นที่ใช้บริการโทรคมนาคมในลักษณะหรือประเภทเดียวกัน หรือเห็นว่าผู้ให้บริการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมหรือค่าบริการโดยไม่ถูกต้อง ผู้ใช้บริการมีสิทธิขอข้อมูลเกี่ยวกับการใช้บริการของตนจากผู้ให้บริการได้ผู้ให้บริการมีหน้าที่ต้องพิสูจน์ข้อเท็จจริงเพื่อยืนยันความถูกต้องของการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมและค่าบริการดังกล่าว และต้องแจ้งข้อมูลตามวรรคหนึ่งให้ผู้ใช้บริการทราบโดยเร็วแต่ทั้งนี้ต้องไม่เกินหกสิบวันนับแต่วันที่ผู้ใช้บริการมีคำขอตามวรรคหนึ่ง หากผู้ให้บริการไม่ดำเนินการภายในระยะเวลาที่กำหนด ให้ถือว่าผู้ให้บริการนั้นสิ้นสิทธิในการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมหรือค่าบริการในจำนวนที่ผู้ใช้บริการได้โต้แย้งนั้นข้อ ๒๓ ในกรณีที่ข้อเท็จจริงปรากฏว่า ผู้ให้บริการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมหรือค่าบริการเกินกว่าจำนวนที่เกิดขึ้นจากการใช้บริการจริง ผู้ให้บริการจะต้องคืนเงินส่วนต่างของค่าธรรมเนียมหรือค่าบริการที่เรียกเก็บเกินให้แก่ผู้ใช้บริการภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ข้อเท็จจริงยุติ และผู้ให้บริการต้องชำระดอกเบี้ยในส่วนต่างในอัตราเท่ากับที่ได้กำหนดไว้ว่าจะเรียกเก็บจากผู้ใช้บริการในกรณีที่ผู้ใช้บริการผิดนัด เว้นแต่ผู้ใช้บริการจะได้ตกลงเลือกให้ดำเนินการในการคืนเงินส่วนต่างที่เรียกเก็บเกินเป็นอย่างอื่น ทั้งนี้ การคืนเงินส่วนต่างให้แก่ผู้ใช้บริการอาจคืนด้วยเงินสด เช็ค หรือนำเข้าบัญชีเงินฝากของผู้ใช้บริการ หรือตามวิธีการที่ผู้ใช้บริการได้แจ้งความประสงค์ไว้ข้อ ๒๔ เมื่อผู้ใช้บริการได้ชำระค่าธรรมเนียมและค่าบริการให้แก่ผู้ให้บริการตามที่เรียกเก็บแล้วผู้ให้บริการจะต้องออกหลักฐานเป็นหนังสือแก่ผู้ใช้บริการเพื่อแสดงว่าตนได้รับชำระค่าบริการจากผู้ใช้บริการแล้วความในวรรคหนึ่งมิให้ใช้บังคับแก่บริการโทรคมนาคมในลักษณะที่เรียกเก็บค่าธรรมเนียมหรือค่าบริการเป็นการล่วงหน้าซึ่งไม่มีการออกใบรายการการใช้บริการหน้า ๑๕เล่ม ๑๒๓ ตอนพิเศษ ๙๙ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๕ กันยายน ๒๕๔๙หมวด ๔การระงับการใช้บริการและการให้บริการโทรคมนาคมข้อ ๒๕ ในกรณีที่มีเหตุจำเป็น ผู้ใช้บริการอาจใช้สิทธิระงับการใช้บริการโทรคมนาคมของผู้ให้บริการเป็นการชั่วคราวก็ได้ โดยแจ้งเป็นหนังสือหรือด้วยวิธีการอื่นใดที่ผู้ให้บริการจัดขึ้นเพื่อรับแจ้งให้ผู้ให้บริการทราบล่วงหน้าเป็นเวลาไม่น้อยกว่าสามวันและถือเป็นหน้าที่ของผู้ให้บริการที่ต้องจัดให้มีระบบรับแจ้งดังกล่าวอย่างเพียงพอตลอดเวลา ในการนี้ ผู้ให้บริการจะกำหนดระยะเวลาขั้นต่ำหรือขั้นสูงที่ยินยอมให้ผู้ใช้บริการระงับการใช้บริการโทรคมนาคมชั่วคราวไว้ในแบบสัญญาด้วยก็ได้ในการขอระงับการใช้บริการโทรคมนาคมดังกล่าวตามวรรคหนึ่ง ผู้ให้บริการจะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมหรือค่าใช้จ่ายใด ๆ จากผู้ใช้บริการไม่ได้ เว้นแต่ กรณีที่ผู้ใช้บริการระงับบริการเกินกว่าระยะเวลาขั้นสูงที่ผู้ให้บริการกำหนดตามวรรคหนึ่งแล้ว ผู้ให้บริการมีสิทธิยกเลิกการให้บริการได้โดยแจ้งให้ผู้ใช้บริการทราบล่วงหน้าเป็นหนังสือไม่น้อยกว่าสามสิบวันข้อ ๒๖ เมื่อผู้ใช้บริการได้แจ้งขอระงับการใช้บริการโทรคมนาคมต่อผู้ให้บริการตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดในประกาศฉบับนี้แล้ว ผู้ใช้บริการย่อมหลุดพ้นจากความรับผิดในค่าบริการที่เกิดขึ้นภายหลังการแจ้งขอระงับการใช้บริการชั่วคราวมีผล เว้นแต่ผู้ให้บริการจะพิสูจน์ได้ว่าค่าบริการที่เกิดขึ้นเป็นผลจากการกระทำของผู้ใช้บริการข้อ ๒๗ เมื่อครบกำหนดการขอระงับการใช้บริการโทรคมนาคมชั่วคราวแล้ว ผู้ให้บริการมีหน้าที่ต้องเปิดให้ผู้ใช้บริการสามารถเข้าใช้บริการดังกล่าวได้ทันที โดยผู้ให้บริการจะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมหรือค่าใช้จ่ายใด ๆ จากผู้ใช้บริการไม่ได้ข้อ ๒๘ ในกรณีที่มีเหตุจำ เป็น ผู้ให้บริการมีสิทธิระงับการให้บริการโทรคมนาคมเป็นการชั่วคราวต่อผู้ใช้บริการก็ได้ โดยแจ้งเป็นหนังสือพร้อมทั้งระบุเหตุในการใช้สิทธิดังกล่าวให้แก่ผู้ใช้บริการทราบล่วงหน้าเป็นเวลาไม่น้อยกว่าสามสิบวัน เว้นแต่กรณีดังต่อไปนี้ผู้ให้บริการสามารถระงับการให้บริการได้ทันที(๑) เกิดเหตุสุดวิสัยขึ้นแก่ผู้ให้บริการ(๒) ผู้ใช้บริการถึงแก่ความตาย หรือสิ้นสุดสภาพนิติบุคคล(๓) ผู้ใช้บริการใช้เอกสารปลอมในการขอใช้บริการหน้า ๑๖เล่ม ๑๒๓ ตอนพิเศษ ๙๙ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๕ กันยายน ๒๕๔๙(๔) ผู้ให้บริการพิสูจน์ได้ว่าบริการโทรคมนาคมที่ให้แก่ผู้ใช้บริการถูกนำไปใช้โดยมิชอบด้วยกฎหมายหรือฝ่าฝืนต่อสัญญา(๕) ผู้ใช้บริการซึ่งใช้บริการโทรคมนาคมในลักษณะที่เรียกเก็บค่าธรรมเนียมหรือค่าบริการภายหลังได้ใช้บริการเกินวงเงินค่าบริการที่ได้ตกลงไว้ในสัญญา ในกรณีนี้ผู้ให้บริการจะต้องแจ้งเตือนให้ผู้ใช้บริการทราบล่วงหน้าเมื่อเห็นว่าผู้ใช้บริการได้ใช้บริการใกล้เต็มวงเงินตามที่ได้ตกลงไว้ในสัญญา ทั้งนี้ การกำหนดวงเงินที่เหลืออยู่ซึ่งผู้ให้บริการจะต้องแจ้งให้ผู้ใช้บริการทราบล่วงหน้านั้นจะต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการก่อน(๖) ผู้ใช้บริการผิดนัดชำระค่าธรรมเนียมและค่าบริการเกินกว่าระยะเวลาที่กำหนดในสัญญาสองคราวติดต่อกัน(๗) ผู้ให้บริการพิสูจน์ได้ว่าผู้ใช้บริการได้นำบริการโทรคมนาคมไปใช้เพื่อแสวงหารายได้โดยมีเจตนาจะไม่ชำระค่าธรรมเนียมและค่าบริการ(๘) ผู้ให้บริการมีเหตุที่จำเป็นต้องบำรุงรักษาหรือแก้ไขระบบโทรคมนาคมที่ใช้ในการให้บริการทั้งนี้ เหตุในการระงับการให้บริการโทรคมนาคมดังกล่าวจะต้องไม่มีข้อกำหนดที่เป็นการจำกัดการใช้ประโยชน์ของผู้ใช้บริการโดยไม่มีเหตุผลอันสมควรข้อ ๒๙ ในกรณีการให้บริการโทรคมนาคมเป็นประเภทที่มีอุปกรณ์ที่ระบุตัวผู้ใช้บริการในการคิดค่าบริการ เมื่อผู้ใช้บริการได้แจ้งเหตุที่อุปกรณ์ระบุตัวผู้ใช้บริการสูญหายให้ผู้ให้บริการทราบผู้ให้บริการต้องดำเนินการระงับการให้บริการในทันทีที่ได้รับแจ้ง และผู้ใช้บริการไม่ต้องรับผิดชำระค่าธรรมเนียมและค่าบริการที่เกิดขึ้นภายหลังการแจ้งดังกล่าว เว้นแต่ผู้ให้บริการจะพิสูจน์ได้ว่าความรับผิดในหนี้นั้นเกิดขึ้นจากการกระทำของผู้ใช้บริการเองหมวด ๕การเลิกสัญญาการให้บริการโทรคมนาคมข้อ ๓๐ ผู้ใช้บริการจะโอนสิทธิการใช้บริการตามสัญญาให้แก่บุคคลอื่นมิได้ เว้นแต่จะได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการถ้าผู้ใช้บริการกระทำการฝ่าฝืนความในข้อนี้ ผู้ให้บริการจะบอกเลิกสัญญาเสียก็ได้หน้า ๑๗เล่ม ๑๒๓ ตอนพิเศษ ๙๙ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๕ กันยายน ๒๕๔๙ข้อ ๓๑ การโอนสิทธิการให้บริการตามสัญญาไปยังผู้ให้บริการรายอื่นจะกระทำมิได้ เว้นแต่ได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการ และผู้รับโอนจะต้องดำเนินการให้เป็นไปตามสัญญาที่มีผลอยู่ก่อนการโอนข้อ ๓๒ ผู้ใช้บริการมีสิทธิเลิกสัญญาในเวลาใดก็ได้ด้วยการบอกกล่าวเป็นหนังสือให้แก่ผู้ให้บริการทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่าห้าวันทำการ ทั้งนี้ ผู้ใช้บริการจะต้องชำระค่าบริการครบถ้วนแล้วจนถึงวันที่การยกเลิกสัญญามีผลบังคับในกรณีที่มีเหตุดังต่อไปนี้ ผู้ใช้บริการอาจใช้สิทธิเลิกสัญญาได้ทันที(๑) ผู้ใช้บริการไม่สามารถรับบริการจากผู้ให้บริการได้ด้วยเหตุที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและอยู่นอกเหนือการควบคุมของผู้ใช้บริการ(๒) ผู้ให้บริการได้ละเมิดข้อตกลงอันเป็นสาระสำคัญของสัญญา(๓) ผู้ให้บริการตกเป็นบุคคลล้มละลาย(๔) ผู้ให้บริการเปลี่ยนแปลงข้อตกลงในสัญญาหรือเงื่อนไขในการให้บริการซึ่งมีผลเป็นการลดสิทธิหรือประโยชน์อันพึงได้รับของผู้ใช้บริการลง เว้นแต่เกิดจากเหตุตามที่กฎหมายบัญญัติข้อ ๓๓ ห้ามมิให้ผู้ให้บริการยกเลิกการให้บริการโทรคมนาคมตามสัญญา เว้นแต่กรณีดังต่อไปนี้(๑) ผู้ใช้บริการถึงแก่ความตาย หรือสิ้นสุดสภาพนิติบุคคล(๒) ผู้ใช้บริการผิดนัดชำระค่าธรรมเนียมและค่าบริการเกินกว่าระยะเวลาที่กำหนดในสัญญาสองคราวติดต่อกัน โดยผู้ให้บริการได้แจ้งให้ผู้ใช้บริการทราบถึงวันครบกำหนดที่แน่นอนเป็นการล่วงหน้าในใบแจ้งเรียกเก็บค่าธรรมเนียมและค่าบริการและได้ทำการเตือนตามวิธีการที่ได้กำหนดไว้ในสัญญาแล้ว(๓) ผู้ให้บริการมีเหตุผลอันเชื่อได้ว่าผู้ใช้บริการมีพฤติกรรมฉ้อฉลในการใช้บริการหรือนำบริการไปใช้โดยผิดกฎหมาย หรือฝ่าฝืนข้อห้ามในสัญญา(๔) ผู้ให้บริการไม่สามารถให้บริการได้โดยเหตุที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของผู้ให้บริการ(๕) เป็นการยกเลิกโดยบทบัญญัติแห่งกฎหมายข้อ ๓๔ เมื่อสัญญาเลิกกัน ในกรณีที่ผู้ให้บริการมีเงินค้างชำระแก่ผู้ใช้บริการ ผู้ให้บริการต้องคืนเงินนั้นให้แก่ผู้ใช้บริการหน้า ๑๘เล่ม ๑๒๓ ตอนพิเศษ ๙๙ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๕ กันยายน ๒๕๔๙ในการคืนเงินดังกล่าว เมื่อผู้ให้บริการได้ตรวจสอบหลักฐานแล้วว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับผู้ใช้บริการหรือเป็นผู้รับมอบอำนาจจากผู้ใช้บริการอย่างถูกต้องแล้ว ให้ผู้ให้บริการคืนเงินภายในสามสิบวันนับแต่วันเลิกสัญญาทั้งนี้ การคืนเงินค้างชำระแก่ผู้ใช้บริการ อาจคืนด้วยเงินสด เช็ค หรือนำเข้าบัญชีเงินฝากของผู้ใช้บริการ หรือตามวิธีการที่ผู้ใช้บริการได้แจ้งความประสงค์ไว้กรณีผู้ให้บริการไม่สามารถคืนเงินค้างชำระให้แก่ผู้ใช้บริการได้ภายในระยะเวลาที่กำหนดผู้ให้บริการต้องชำระค่าเสียประโยชน์ในอัตราเท่ากับอัตราดอกเบี้ยที่ผู้ให้บริการคิดจากผู้ใช้บริการกรณีผู้ใช้บริการผิดนัดไม่ชำระค่าธรรมเนียมหรือค่าบริการแก่ผู้ให้บริการ แต่ทั้งนี้ ไม่ตัดสิทธิผู้ใช้บริการที่จะเรียกค่าเสียหายอย่างอื่นหมวด ๖การร้องเรียนและการแก้ไขปัญหาข้อร้องเรียนข้อ ๓๕ ผู้ให้บริการต้องจัดทำและแจ้งให้ผู้ใช้บริการได้ทราบถึงหลักเกณฑ์การรับเรื่องร้องเรียนและการแก้ไขปัญหาข้อร้องเรียนระหว่างผู้ใช้บริการและผู้ให้บริการ ซึ่งต้องมีความชัดเจนในเรื่องขั้นตอนการดำเนินการ ระยะเวลาดำเนินการ และผลของการดำเนินการ ทั้งนี้ ในการดำเนินการดังกล่าวจะต้องสอดคล้องกับหลักเกณฑ์การรับเรื่องร้องเรียนและการแก้ไขปัญหาเรื่องร้องเรียนหรือการระงับข้อพิพาทเกี่ยวกับบริการโทรคมนาคมระหว่างผู้ใช้บริการและผู้ให้บริการตามที่คณะกรรมการประกาศกำหนดบทเฉพาะกาลข้อ ๓๖ สัญญาระหว่างผู้ให้บริการและผู้ใช้บริการที่ใช้บังคับอยู่ก่อนวันที่ประกาศฉบับนี้มีผลใช้บังคับ ให้ผู้ให้บริการดำเนินการแก้ไขเพิ่มเติมแบบสัญญาให้เป็นไปตามประกาศฉบับนี้และส่งให้คณะกรรมการภายในหกสิบวันนับแต่วันที่ประกาศฉบับนี้มีผลใช้บังคับเพื่อให้คณะกรรมการให้ความเห็นชอบเมื่อคณะกรรมการให้ความเห็นชอบแล้ว ให้ผู้ให้บริการแจ้งการแก้ไขเพิ่มเติมดังกล่าวเป็นหนังสือไปยังผู้ใช้บริการภายในสามสิบวัน เพื่อให้ผู้ใช้บริการพิจารณาว่าจะผูกพันตามสัญญาต่อไปหรือยกเลิกสัญญาดังกล่าวหน้า ๑๙เล่ม ๑๒๓ ตอนพิเศษ ๙๙ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๕ กันยายน ๒๕๔๙เมื่อพ้นกำหนดระยะเวลาสามสิบวันตามวรรคสองแล้ว หากผู้ใช้บริการมิได้แสดงเจตนายกเลิกสัญญาเป็นหนังสือ ให้ถือว่าผู้ใช้บริการประสงค์จะผูกพันตามสัญญาดังกล่าวต่อไปให้สัญญาใหม่มีผลใช้บังคับเมื่อครบกำหนดระยะเวลาตามวรรคสาม ทั้งนี้ ในระหว่างระยะเวลาพิจารณาตามวรรคสองและวรรคสาม ให้สัญญาเก่ายังคงมีผลใช้บังคับอยู่ต่อไปประกาศ ณ วันที่ ๘ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๙พลเอก ชูชาติ พรหมพระสิทธิ์ประธานกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ
http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2549/E/099/7.PDF

วันเสาร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

หลากชีวิต "รักพิสดาร" ของบรรดาสัตว์โลก

หลากชีวิต "รักพิสดาร" ของบรรดาสัตว์โลก
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 13 กุมภาพันธ์ 2553 23:07 น.

ทากทะเล มีสองเพศในตัวเดียวกัน ผสมพันธุ์พร้อมกันได้ครั้งละหลายๆ ตัวเรียงต่อกันเป็นสายโซ่ (Wildlife Trusts)

คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น
หอยทากทะเล มีพฤติกรรมการผสมพันธุ์คล้ายทากทะเล คือ เรียงต่อกันหลายๆ ตัว (Wildlife Trusts)

ปลาการ์ตูน ตัวผู้เปลี่ยนเพศได้เมื่อขาดแคลนตัวเมีย (www.metro.co.uk)

แมงมุมกระโดดระหว่างเลือกคู่ (ภาพไลฟ์ไซน์)

ตั๊กแตนตำข้าว ตัวเมียจะเขมือบตัวผู้ในระหว่างหรือหลังเสร็จสิ้นการผสมพันธุ์ (www.biodiversityexplorer.org)

ห่านบางชนิดชอบชีวิตครอบครัวแบบ สามตัวผัวเมีย (sfaw.co.uk)

"การสืบพันธุ์ได้" คือ คุณสมบัติข้อหนึ่งในนิยามของ "สิ่งมีชีวิต" ซึ่งมีหลายวิธี แตกต่างกันไปตามความต่างของชนิดพันธุ์ วิธีสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศที่พบได้ทั่วไปในสัตว์ส่วนใหญ่ คือการจับคู่ผสมพันธุ์ระหว่างเพศผู้และเพศเมีย ทว่า สัตว์บางชนิดมีพฤติกรรมการการเลือกคู่และผสมพันธุ์ที่แปลก พิสดาร หรือน่าสยดสยองก็มี
       

       สัตว์บางชนิดที่เป็นกะเทย คือมีทั้งสองเพศในตัวเดียวกัน และผสมพันธุ์ข้ามตัว เช่น ทากทะเล (sea slug) เมื่อถึงคราวที่ต้องผสมพันธุ์ จะจับคู่กันมากกว่า 2 ตัว โดยสามารถจับคู่ผสมพันธุ์เรียงต่อกันไปเรื่อยๆ คล้ายสายโซ่ และอาจวนเข้าหากันจนเป็นวงกลมเลยก็ได้
       
       หอยทากทะเล (slipper limpet) ก็เป็นสัตว์อีกชนิดหนึ่งที่ สามารถจับคู่ต่อๆ กันจนเป็นสายโซ่ได้ในแนวตั้งซ้อนกันเป็นชั้นๆ โดยสามารถจับคู่ต่อกันได้ถึง 25 ตัว ซึ่งตัวที่อยู่ด้านล่างสุดมักเป็นหอยเพศเมียเสมอ และเมื่อตัวเมียที่อยู่ล่างสุดตายลง ตัวผู้ที่อยู่ถัดขึ้นมาจะเปลี่ยนเป็นเพศเมีย และตัวที่อยู่ถัดๆ ไป ก็จะเปลี่ยนเพศต่อๆ กันไป
       
       ปลาการ์ตูนก็ เปลี่ยนเพศได้เหมือนกัน เมื่อปลาการ์ตูนตัวเมียตายจากไปหรือขาดแคลนตัวเมียในฝูง ปลาการ์ตูนตัวผู้ก็จะเปลี่ยนเพศมาเป็นตัวเมียแทน เพื่อจับคู่ผสมพันธุ์กับตัวผู้และให้กำเนิดลูกปลารุ่นต่อๆ ไป รวมทั้งปลานกแก้ว ปลานกขุนทอง และปลาพยาบาล ที่สามารถเปลี่ยนจากเพศเมียเป็นเพศผู้ได้ เมื่อขาดแคลนพ่อพันธุ์
       
       แมงมุมได้ชื่อว่าเป็นสัตว์ที่มีบทรักพิสดารหลากหลายรูปแบบตามแต่ละสายพันธุ์ โดยแมงมุมหลังคาแดง (redback spider) หลังจากตัวผู้ต่อสู้แย่งสิทธิ์ผสมพันธุ์กับแมงมุมสาว ก็จะใช้เวลาเกี้ยวพาราสีอีก 50 นาที จึงจะได้สมหวังในรัก แต่หากไม่มีตัวผู้อื่นมาเป็นคู่แข่งแย่งชิงตัวเมีย ก็ต้องเสียเวลาเกี้ยวแมงมุมตัวเมียนานหน่อยราว 4-5 ชั่วโมง
       
       ส่วนแมงมุมกระโดด (jumping spider) ที่พร้อมผสมพันธุ์ จะแข่งกันทำตัวเรืองแสงคล้ายๆ กับการแต่งตัวเพื่อล่อคู่ผสมพันธุ์ โดยแมงมุมตัวผู้ จะเรืองแสงสีเขียวและขาวจากการสะท้อนรังสียูวี ส่วนตัวมีจะมีอวัยวะด้านหน้าที่ยื่นออกมาซึ่งเรืองแสงสีเขียวเช่นกัน หากไม่สามารถมองเห็นการเรืองภายใต้สเปคตรัมของแสงทั้งตัวผู้และตัวเมียจะ เมินเฉยต่อกัน ซึ่งชี้ให้เห็นว่าคู่ผสมพันธุ์ต้องแสดงการเรืองแสงเพื่อพิสูจน์สุขภาพที่ พร้อมจะผสมพันธุ์
       
       การผสมพันธุ์ของแมงมุมนั้น ตัวผู้จะฉีดน้ำเชื้อจากอวัยวะที่ยื่นออกมาบริเวณปากเข้าอวัยวะสืบพันธุ์ของ เพศเมียที่เปิดออกอยู่บริเวณใต้ช่องท้องของเพศเมีย โดยที่แมงมุมใยกลม (orb-web spider) หรืออาร์กิโอเปบรูเอนนิชิ (Argiope bruennichi) ตัวผู้จะทิ้งความเป็นชายโดยฉีกปลายอวัยวะสืบพันธุ์ทิ้งไว้ในช่องสืบพันธุ์ ของตัวเมีย เพื่อกันไม่ให้แมงมุมตัวผู้ตัวอื่น ฉีดน้ำเชื้อให้แก่ตัวเมียอีกได้ 
       
       แมงมุมตัวเมียสปีชีส์ไฟโซคูลัสโกลบูซัส (Physoculus globusus) จะส่งเสียงกรีดร้อง ที่มีความถี่สูงเพื่อชักนำตัวผู้ระหว่างจับคู่ ซึ่งเสียงร้องนี้จะตอบสนองจังหวะการบีบรัดของอวัยวะสืบพันธุ์เพศผู้ที่อยู่ ในร่างตัวเมียระหว่างผสมพันธุ์ ซึ่งเสียงกรีดร้องของตัวเมียเป็นการส่งสัญญาณเตือนคู่ผสมพันธุ์หากมีการ บีบรัดที่รุนแรงหรือยาวนานเกินไป ซึ่งตัวผู้ก็จะตอบสนองอย่างกระตือรือร้นเพื่อเพิ่มโอกาสที่น้ำเชื้อของตัว เองจะได้รับเลือกให้ผสม
       
       ทั้งนี้ แมงมุมตัวเมียหลายสปีชีส์จะกินตัวผู้ด้วยความหิวโดยหลังจากเสร็จสิ้นการผสมพันธุ์ ซึ่งแมงมุมตัวผู้ส่วนใหญ่มีขนาดเล็กกว่าตัวเมีย จึงตกเป็นเหยื่ออันโอชะของคู่ผสมพันธุ์ได้ง่าย
       
       ตั๊กแตนตำข้าว เป็นสัตว์อีกชนิดหนึ่งที่มีฉากรักพิศวาสสุดโหดไม่แพ้กัน เพราะตั๊กแตนตำข้าวตัวเมียมีขนาดใหญ่กว่าตัวผู้มาก และมักดุร้ายในช่วงผสมพันธุ์ ในขณะที่ตัวผู้เกาะหลังตัวเมียเพื่อผสมพันธุ์ ตั๊กแตนตัวเมียอาจหันมางับหัวตัวผู้กินเอาดื้อๆ เลยก็ได้ แต่ในบางสายพันธุ์ตัวเมียอาจรอให้เสร็จกิจเรียบร้อยก่อนแล้วจึง เขมือบตัวผู้เป็นอาหาร แต่ถ้าตัวผู้ไหวตัวทันและโชคเข้าข้าง ก็มีสิทธิ์หนีรอดได้
       
       พฤติกรรมก้าวร้าวและการทำร้ายตัวผู้หลังผสมพันธุ์ยังพบได้ในแมวเพศ เมีย ทว่าไม่โหดร้ายและรุนแรงเท่าแมงมุมและตั๊กแตนตำข้าว ทั้งยังมีการอ้อนและเชื้อเชิญให้แมวตัวผู้เข้ามาผสมพันธุ์ใหม่อีกด้วย ดั้งนั้นใน 1 ชั่วโมง แมวอาจผสมพันธุ์กันได้ถึง 10 ครั้ง แต่ละครั้งใช้เวลาผสมพันธุ์เพียงไม่กี่นาที โดยในขณะผสมพันธุ์ แมวตัวผู้จะกัดที่บริเวณหนังคอแมวตัวเมียและขึ้นขี่ หลังผสมพันธุ์เสร็จ ตัวผู้ต้องรีบออกห่างตัวเมียก่อนที่จะโดนทำร้าย และแต่ละฝ่ายจะแยกกันพักผ่อนสักพักก่อนจะเริ่มผสมพันธุ์กันใหม่
       
       สัตว์บางชนิดมีชีวิตรักแบบสามตัวผัวเมีย เช่น ห่านบาง ชนิดที่มีตัวผู้ 2 ตัวเป็นคู่หูชู้ชื่นกันอยู่ก่อน แต่เมื่อตัวใดตัวหนึ่งเกิดปิ๊งห่านสาวเข้าให้ ก็ยังไม่ยอมแยกจากกัน จนต้องตกล่องปล่องชิ้นอยู่เป็นครอบครัวเดียวกัน ช่วยกันผสมพันธุ์ ช่วยกันฟักไข่และเลี้ยงลูกกันต่อไป โดยห่านมักผสมพันธุ์กันในน้ำ ซึ่งจะทำให้ได้ไข่มีเชื้อมากกว่า
       
       นี่เป็นเพียงตัวอย่างบทรักของสัตว์โลกที่สืบพันธุ์แบบอาศัยเพศ เพื่อนำดีเอ็นเอจากเพศผู้และเพศเมียมาสผมกันและขยายเผ่าพันธุ์ ซึ่งพบได้ทั่วไปในสิ่งมีชีวิตชั้นสูง และได้รับการพิสูจน์ผ่านเวลาอันยาวนานแล้วว่าวิธีนี้เหมาะสมที่สุดสำหรับ สิ่งมีชีวิตที่มีความซับซ้อน ทำให้เกิดความหลากหลายทางพันธุกรรม เพื่อความอยู่รอดของเผ่าพันธุ์
http://www.manager.co.th/Science/ViewNews.aspx?NewsID=9530000021039

--
โปรดอ่านบล็อก
http://www.pridiinstitute.com
http://www.nakkhaothai.com
http://twitter.com/sweetblog
http://twitter.com/oknewsblog
http://twitter.com/okblogger
http://twitter.com/sat191
http://www.pacc.go.th/
http://twitter.com/okblogchan
http://twitter.com/sun1951
http://twitter.com/smeblogger
http://twitter.com/seminarblog
http://twitter.com/sunnewsblog
http://twitter.com/okworldblog
http://twitter.com/ktblogger
http://twitter.com/sundayblog
http://twitter.com/mondayblog
http://twitter.com/tuesdayblog
http://twitter.com/wednesdayblog
http://twitter.com/thursdayblog
http://twitter.com/fridayblog
http://twitter.com/saturdayblog

ขอความร่วมมือช่วยกระจายข่าวการจัดสัมมนา


 
 
จาก: Worrawit Luangdilok <worrawit@singthai.com>
วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2553, 14:16
หัวเรื่อง: ขอความร่วมมือช่วยกระจายข่าวการจัดสัมมนา
ถึง:

เรียน ท่านนักวิชาการผู้ทรงคุณวุฒิ
 
เนื่องจากขณะนี้มีผู้ลงทะเบียนเข้าร่วมงานการประชุมรับฟังความคิดเห็น เรื่อง “โครงการหรือกิจการที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรง ทั้งทางด้านคุณภาพสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติและสุขภาพ ตามมาตรา 67 วรรค 2 รัฐธรรมนูญ 2550" ซึ่งได้เปิดรับสมัครไปเมื่อวันจันทร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมานั้น มีสัดส่วนของนักวิชาการที่สนใจเข้าร่วมรับฟังและเสนอความคิดเห็นอยู่เพียง 4 %
 
ทางคณะทำงานฯจึงอยากขอความร่วมมือและความกรุณาจากทุกท่านช่วยกระจายข่าว ชักชวน เพื่อนฝูงของท่านในแวดวงของนักวิชาการ มาช่วยกันระดมความคิดเห็น เพื่อหาทางออกให้ประเทศชาติ ที่กำลังบอบช้ำอยู่ในขณะนี้คนละมือสองมือกันเถอะครับ
 
สำหรับ link ในการลงทะเบียนเพื่อเข้าร่วมประชุม สามารถ click ได้ที่นี่เลยครับ http://www.publicconsultation.opm.go.th สำหรับรายละเอียดของข้อมูลที่อยากขอความคิดเห็นสามารถศึกษาได้ก่อนจาก link นี้ครับ http://www.publicconsultation.opm.go.th/rubfung67/document.asp
 
ด้วยความเคารพอย่างสูงครับ
 
Worrawit Luangdilok
 


__________ Information from ESET Smart Security, version of virus signature database 4862 (20100212) __________

The message was checked by ESET Smart Security.

http://www.eset.com

วันอาทิตย์ที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

การคุ้มครองเงินฝากแบงค์เต็มจำนวน (ที่กำลังจะสิ้นสุดลง) และการปรับตัวของผู้ฝากเงิน

การคุ้มครองเงินฝากแบงค์เต็มจำนวน (ที่กำลังจะสิ้นสุดลง) และการปรับตัวของผู้ฝากเงิน

ทราบหรือไม่ว่า ในปัจจุบัน เงินอออมของท่านที่ฝากอยู่กับสถาบันการเงิน (ได้แก่ธนาคารพาณิชย์ บริษัทเงินทุน และบริษัทเครดิตฟองซิเอร์) ได้รับการคุ้มครองทั้งต้นและดอกเต็มจำนวนโดย สถาบันคุ้มครองเงินฝาก (Deposit Protection Agency หรือ DPA) •ไม่ว่าท่านจะมีเงินในบัญชีเพียงไม่กี่หมื่นบาทหรือเป็นพันล้านบาทก็ตาม • หมายความว่าถ้าแบงค์ที่ท่านฝากเงินอยู่เกิดมีอันเป็นไป (เจ๊ง) DPA ก็จะจ่ายเงินคืนให้ท่านครบทั้งจำนวน โดยที่ท่านไม่ต้องไปฟ้องร้องต่อศาลในฐานะเจ้าหนี้แบงค์เพื่อขอแบ่งเงินคืน • ซึ่ง DPA จะเรียกเก็บเงินนำส่ง (เบี้ยประกัน) จากสถาบันการเงินของท่านในอัตราร้อยละ 0.40 ต่อปี (ต้นทุนเงินฝากของแบงค์ที่แท้จริงจึงจะต้องบวกเข้าไปอีก 0.40%) โดยจะคำนวณจากยอดเงินฝากเป็นรายวัน

และทราบหรือไม่ว่า การคุ้มครองแบบเต็มจำนวนดังกล่าวจะสิ้นสุดลงในวันที่ 11 สิงหาคม 2554 หรืออีกประมาณปีครึ่งนับจากนี้ • โดยในวันที่ 11 สิงหาคม 2554 DPA จะลดการคุ้มครองแบบเต็มจำนวน ลงเหลือเพียง 50 ล้านบาทต่อบัญชีต่อสถาบันการเงิน (ถ้าท่านมีเงินฝาก 100 ล้านบาท ก็ยังสามารถกระจายฝากไว้กับ 2แบงค์ โดยได้รับการคุ้มครองรวมกัน 100 ล้านบาทอยู่เช่นเดิม) • และในวันที่ 11 สิงหาคม 2555 (อีกสองปีครึ่งนับจากนี้) DPA จะลดการคุ้มครองลงเหลือ 1 ล้านบาทต่อบัญชีต่อสถาบันการเงิน • ในปัจจุบันมีสถาบันการเงินรวมกันทั้งสิ้น 38 แห่ง แปลว่าถ้าท่านมีเงินฝากเกิน 38 ล้านบาท จะมีเงินฝากบางส่วนที่มีความเสี่ยงที่จะไม่ได้คืนกรณีที่สถาบันการเงินของท่านล้ม

เพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงสร้างเงินฝากของประเทศไทย มาลองดูข้อมูล ณ พฤศจิกายน 2552 กัน




ข้อมูลดิบ จากธนาคารแห่งประเทศไทย

ข้อมูลข้างต้นชี้ให้เห็นว่า • ในวันที่ 11 สิงหาคม 2554 ผู้ฝากเงินที่ได้รับผลกระทบระลอก แรก (มีเงินฝากเกิน 50 ล้านบาท) มีเพียง 7,750 บัญชี คิดเป็น 0.007% ของบัญชีเงินฝากทั้งหมด 76.2 ล้านบัญชี แต่จำนวนเงินฝากที่ได้รับผลกระทบ มีสูงถึง 1.77 ล้านบาท คิดเป็น 25.30% ของจำนวนเงินฝากทั้งหมด 6.99 ล้านล้านบาท! และในวันที่ 11 สิงหาคม 2555 ผู้ฝากเงินที่ได้รับผลกระทบระลอก สอง (มีเงินฝากเกิน 1 ล้านบาท) จะมีเพิ่มขึ้นเป็น 837,308 บัญชี แต่ก็มีสัดส่วนเพียง 1.1% ของบัญชีเงินฝากทั้งหมด แต่ที่สำคัญคือ จำนวนเงินฝากที่จะได้รับผลกระทบจะมีสูงถึง 5.02 ล้านล้านบาท หรือ 71.80% ของเงินฝากทั้งประเทศ

จากข้อมูลข้างต้น สามารถแปลความและคาดการณ์ได้ดังนี้

• ถ้าเทียบจำนวนเงินฝากในบัญชีเป็นความมั่งคั่ง ถือได้ว่าประเทศไทยมีความเหลื่อ มล้ำของรายได้สูงมาก ผู้ที่มีเงินฝากไม่เกิน 50,000 บาท มีจำนวนถึง 88.6% ของจำนวนบัญชีทั้งหมด แต่กลับมีเงินรวมกันเพียง 4.1% เท่านั้น ขณะที่ผู้ที่มีเงินฝากเกิน 1 ล้านบาท มีจำนวนเพียง 1.1% แต่มีเงินรวมกันถึง 71.8% ของเงินฝากทั้งประเทศ ซึ่งเป็นเครื่องวัดประสิทธิภาพในการกระจายรายได้ได้อย่างชัดเจน

• ในอีกประมาณหนึ่งปีครึ่ง จะมีเงินฝากที่ไม่ได้รับการค้ำประกันซึ่งจะต้องกระจายออกไปลงทุนในสินทรัพย์ประเภทอื่นๆ สูงถึง 1.77 ล้านล้านบาท และในอีกสองปีครึ่ง จำนวนเงินดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นเป็น 5.02 ล้านล้านบาท อาจเป็นผลให้ธุรกิจจัดการกองทุนมีความเติบโตสูงมาก โดยเฉพาะกองทุนตลาดเงินที่ลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐซึ่งมีความเสี่ยงต่ำมาก (เทียบเคียงได้กับการฝากเงิน) ซึ่งในปัจจุบันมียอดเงินลงทุนรวมกันไม่เกิน 5 แสนล้านบาทเท่านั้น (ข้อมูลจากการรวบรวมส่วนตัว)

• ภาครัฐพยายามส่งสัญญาณว่า ผู้ฝากเงินจะต้องพัฒนาตนเองให้เป็นนักลงทุน คือต้องรู้จักพิจารณาความเสี่ยงของสถาบันการเงินที่นำเงินไปฝากด้วย เพราะมีโอกาสที่จะไม่ได้รับเงินคืนกรณีที่แบงค์ล้ม ซึ่งในประเด็นนี้ผมสนับสนุนเต็มที่

• DPA เองก็มีความเสี่ยงว่าจะสามารถคุ้มครองเงินฝากได้จริงเมื่อเกิดวิกฤติการเงินหรือไม่ เนื่องจาก ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2551 DPA มีกองทุนที่ใช้คุ้มครองเงินฝากเพียง 10,646 ล้านบาทเท่านั้น เทียบกับเงินฝากทั้งหมดในปัจจุบันที่มีอยู่ 6.99 ล้านล้านบาท หรือสามารถคุ้มครองได้เพียง 0.15% เท่านั้น! ถึงแม้จะรวมเบี้ยประกันที่เก็บจากสถาบันการเงินอีกปีละประมาณ 28,000 ล้านบาท (0.40% ของ 6.99 ล้านล้านบาท ต่อปี) ก็ต้องใช้เวลาถึง 250 ปีในการสะสมเบี้ยประกันให้เพียงพอต่อจำนวนเงินฝากทั้ง 100%!

เมื่อผู้ฝากเงินทราบข้อมูลดังกล่าวแล้ว ก็หวังว่าจะเป็นประโยชน์ในการปรับตัวและวางแผนการลงทุนต่อไปในอนาคต เรื่องนี้ผสมสรุปสั้นๆ ว่า เศรษฐีเหนื่อยครับ

หมายเหตุ:
• ข้อมูลเงินฝาก http://www.bot.or.th/Thai/Statistics/FinancialInstitutions/CommercialBank/Pages/StatDepositsAndLoans.aspx
• รายงานประจำปี 2551 ของ DPA http://www.dpa.or.th/Uploads/Content/105346-Book%20Thai.pdf
• สรุปข้อมูลที่สำคัญของ DPA http://www.dpa.or.th/Detail.aspx?menu=22&id=50

ขอเชิญอ่าน blog.Thank you so much.
http://www.thaifreedompress.blogspot.com/
http://sunblog1951.blogspot.com/ sunday
http://blogpwd.blogspot.com/ pwd9
http://ktblog1951.blogspot.com/ pwday
http://newsblog9.blogspot.com/ news
http://bloghealth99.blogspot.com/ health
http://labour9.blogspot.com/ labour
http://www.media4democracy.com/th/
http://www.youngtelecom.org/
http://www.logex.kmutt.ac.th/
http://www.mict4u.net/thai/
http://www.chula.ac.th/visitors/thai/calendar.htm
http://www.agkmstou.com/2008/index.php
http://www.baanjomyut.com/library/lotus/index.html
http://www.asianbarometer.org/newenglish/introduction/default.htm
http://www.isriya.com/node/2809/wordcamp-bangkok-2009-pool-party

วันเสาร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

13 ชาติเอเชียระดม ถก"เสือโคร่ง"

วันที่ 07 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553 ปีที่ 19 ฉบับที่ 7010 ข่าวสดรายวัน


13 ชาติเอเชียระดม ถก"เสือโคร่ง"


จิรพงศ์ เกิดเรณู






"เสือโคร่ง"นอกจากจะเป็นความยิ่งใหญ่ น่าเกรงขาม และมีอำนาจแล้ว เสือโคร่งยังเป็นตัวชี้วัดความอุดมสมบูรณ์ของป่าด้วย

เนื่อง จากเสือโคร่งเป็นสัตว์ผู้ล่าที่อยู่บนสุดของห่วงโซ่อาหาร นั่นหมายความว่าในพื้นที่ป่าไหนมีเสือโคร่ง ย่อมแสดงว่าสัตว์หรือพืชในห่วงโซ่ชั้นล่างลงไป ย่อมมีความสมบูรณ์ตามไปด้วย

แต่ในภาวะปัจจุบัน ด้วยสภาพป่าที่น้อยลง ส่งผลให้สัตว์ในห่วงโซ่อาหารของสัตว์ผู้ล่าขนาดใหญ่อย่างเสือโคร่งน้อยลง ซึ่งจะทำให้พวกมันเสี่ยงต่อการดำรงอยู่ และอาจถึงขั้นสูญพันธุ์

ใน การประชุมระดับรัฐมนตรีประเทศเอเชีย ด้านการอนุรักษ์เสือโคร่ง ครั้งที่ 1 ที่ประเทศไทยจัดขึ้นที่อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ นับเป็นครั้งแรกของชาติในเอเชียที่มองเห็นความสำคัญของเสือโคร่ง ซึ่งมีอยู่เพียงแค่ 13 ประเทศเท่านั้น ที่ยังมีเสือโคร่งในป่าธรรมชาติ

เวที หารือร่วมกันครั้งนี้ แบ่งเป็น 2 ระดับ คือรัฐมนตรีด้านสิ่งแวดล้อมของแต่ละประเทศ และเจ้าหน้าที่อาวุโส ที่แต่ละคนผ่านการทำงานด้านสัตว์ป่าและสิ่งแวดล้อมมาอย่างยาวนาน มีทั้งสิ้นเกือบ 100 คน จากบังกลาเทศ ภูฏาน กัมพูชา จีน อินเดีย อินโดนีเซีย ลาว มาเลเซีย พม่า เนปาล รัสเซีย เวียดนาม และไทย

เป็นการจัดประชุมด้านสัตว์ป่าระดับนานาชาติที่ใหญ่สุดเท่าที่เคยมีมาในประเทศไทย

แนวคิดหลักของการประชุมครั้งนี้ คือต้องการนำผลทางวิชาการในการประชุมเชิงปฏิบัติการเสือโลกที่ประเทศเนปาล ให้เป็นรูปธรรมมากขึ้น

ที่สำคัญคือทำให้คนทำงานอนุรักษ์เสือโคร่ง ได้พูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ ปัญหาและอุปสรรค์ต่างๆ ระหว่างคนทำงานในแต่ละประเทศมากขึ้น



ในส่วนของไทยที่นำผลการศึกษาวิจัยเสือโคร่งมาร่วมเสนอและแลกเปลี่ยน นำโดย ดร.ศักดิ์สิทธิ์ ซิ้มเจริญ ผอ.ส่วนอนุรักษ์สัตว์ป่า สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 12 นครสวรรค์ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

ดร.ศักดิ์สิทธิ์ ทำงานวิจัยเสือโคร่งในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง ป่าอนุรักษ์มรดกโลก มานานกว่า 10 ปี โดยนำเสนอผลงานวิจัยเสือโคร่งจากภาพถ่าย "คาเมร่า แท็ป" (camera trapped) หรือกล้องจับการเคลื่อนไหว

โดยเล่าถึงการเริ่มต้นศึกษาและวิจัยว่า สาเหตุที่ศึกษาเสือโคร่ง เนื่องจากเสือโคร่งเป็นตัวชี้วัดเรื่องต่างๆ ในป่า เพราะเสือโคร่งจะไวต่อการเปลี่ยนแปลง ถ้ามีการบุกรุกพื้นที่ป่า และเปลี่ยนป่าเป็นเกษตรกรรม หรือการเข้าไปของคนจำนวนมาก เสือจะอยู่ไม่ได้

เริ่ม แรกของการทำงานยังไม่มีองค์ความรู้ การจะเดินตามหาเสือเพื่อจับมาศึกษา เป็นไปไม่ได้เลย เพราะไม่รู้ว่าเสือมีวิถีชีวิตอย่างไร อยู่ที่ไหน นอนที่ไหน เราจึงมาเริ่มศึกษาจากมูลของเสือโคร่ง หรือเศษซากอาหารที่กินเหลือ เพื่อดูว่ามันกินอะไรเข้าไป

ดร.ศักดิ์สิทธิ์ อธิบายว่า แต่เมื่อเห็นกองมูลแล้ว สิ่งที่จะบอกได้ว่าเป็นของเสือโคร่งหรือไม่ ต้องดูจากรอยเท้า และสัญลักษณ์ที่มันทำก่อนถ่ายประกอบกันด้วย คือคุ้ยตะกุยดินแล้วจึงถ่ายคล้ายแมว แต่เสือจะไม่กลบ ก่อนนำมูลไปวิจัย



"เมื่อ ศึกษามูลแล้วจึงรู้ว่าสาเหตุของการลดลงของเสือโคร่งคืออะไร เมื่อก่อนเราไม่รู้ก็คาดเดาไปต่างๆ นานา แต่เมื่อศึกษาจึงพบว่าสาเหตุที่แท้จริง เนื่องจากอาหารที่เสือโคร่งกิน คือสัตว์เท้ากีบขนาดใหญ่ เช่น วัวแดง กระทิง ควายป่า เก้ง กวาง และหมูป่า ลดลง เมื่อไม่มีอาหารเสือก็อยู่ไม่ได้ หลายพื้นที่เป็นแบบนี้ นี่คือสิ่งที่ได้จากการศึกษาครั้งแรก"

ต่อมาจึงศึกษาติดตามประชากร และศึกษาเชิงลึกทางชีววิทยา เพื่อดูความต้องการอาหารของมัน พบว่าเสือโคร่ง 1 ตัว ต้องการเหยื่อ 500 ตัวต่อปี แต่ไม่ได้กินทั้งหมด กินเพียง 50 ตัวเท่านั้น ลองคิดดูว่าป่าที่พวกมันจะอยู่ด้วยต้องมีความอุดมสมบูรณ์มากแค่ไหน

อีกประการหนึ่ง เสือโคร่งตัวผู้ 1 ตัว ต้องการพื้นที่ป่า 250 ตารางกิโลเมตร แต่ถ้าพื้นที่ป่านั้นๆ มีความอุดมสมบูรณ์มาก พื้นที่ที่เสือโคร่งต้องการก็จะน้อยลง ดังในพื้นที่ป่าของไทยที่ขยายไม่ได้ แต่สามารถทำให้สมบูรณ์มากขึ้นได้

จากนั้นทีมวิจัย ของดร.ศักดิ์สิทธิ์ จึง ศึกษาลายของเสือโคร่งผ่านภาพถ่ายคาเมร่า แท็ป โดยพบว่าพวกมันมีลาย หรือที่เรียกกันว่า "ลายพาดกลอน" ที่เป็นเอก ลักษณ์ของตัวเอง เปรียบเหมือนลายนิ้วมือมนุษย์ที่แต่ละคนจะไม่เหมือนกัน

จากลายที่ต่างกัน เมื่อนำภาพมาเปรียบจึงทำให้รู้ว่าตัวนี้เคยเจอหรือยัง หรือถ้าพบตัวใหม่ก็แสดงว่ามีจำนวนเสือเพิ่มขึ้น ดร.ศักดิ์สิทธิ์ระบุว่า ที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้งมีคาเมร่า แท็ป ทั้งหมด 30 ตัว 15 คู่ เพราะแต่ละจุดต้องตั้งกล้อง 2 ฝั่ง ใช้ระบบตรวจจับความร้อน เมื่อเสือเดินผ่านกล้องก็จะถ่ายได้ทันทีโดยอัตโนมัติ

"ปีแรกที่เริ่ม ทำ พ.ศ.2537 ถ่ายไม่ได้เลย เพราะไม่รู้ว่าเสือเดินไปทางไหน หรือไม่รู้ธรรมชาติจริงๆ ของเสือ แต่หลังจากนั้นจึงรู้ว่าเสือชอบเดินตามถนนโล่ง หากเห็นสิ่งแปลกปลอมมันจะไม่เข้าใกล้เลย จึงวางกล้องใหม่ ใช้เศษไม้ปิดไม่ให้ผิดสังเกต จึงได้ภาพเสืออย่างไม่ยาก โดยปีที่ผ่านมาสามารถถ่ายภาพเสือได้ถึง 35 ตัว ทำให้เรารู้ว่า เสือโคร่งที่มีอยู่เพิ่มขึ้นหรือลดลงหรือไม่ ลูกเสือมีชีวิตรอดแค่ไหน" นักวิจัยเสือกล่าว

เมื่อเสร็จสิ้นการประชุมและเสนอผลงานวิจัย ทุกประเทศมีมติร่วมกัน 6 ข้อ คือ


1.ต้องมีความสมดุลกันในด้านการอนุรักษ์เสือโคร่งและการพัฒนาเศรษฐกิจ และต้องไม่สนับสนุนโครงการใดๆ ที่จะทำให้เสือลดลง

2.ต้องบังคับใช้ กฎหมายอย่างจริงจัง และต้องรณรงค์เพื่อลดการซื้อขายเสือ


3.สนับสนุนการใช้เทคโนโลยี และวิทยาศาสตร์มาจัดการในพื้นที่เพื่อการดำรงอยู่ของเสือ

4.ต้อง สามารถทำให้คนและเสืออยู่ร่วมกันได้


5.ต้องร่วมกันหาการสนับสนุนการเงินจากภาครัฐและเอกชน เพื่อการอนุรักษ์เสือ และ
6.จะต้องติดตามผลจากการประชุมอย่างจริงจัง และต่อเนื่องทั้งก่อนและหลังการประชุมสุดยอดเสือโลกที่ประเทศรัสเซีย และความร่วมมือระหว่างประเทศที่มีพรมแดนที่เสือใช้ร่วมกัน

ข้อสำคัญ ที่สุดนอกเหนือจากนั้น ในอีก 12 ปีข้างหน้า ตรงกับปี พ.ศ.2565 เสือโคร่งที่มีอยู่จะต้องเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า นี่คือสัญญาที่ 13 ชาติต้องทำ


หน้า 5

http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROb1lYQXdNVEEzTURJMU13PT0=&sectionid=TURNeE53PT0=&day=TWpBeE1DMHdNaTB3Tnc9PQ==