ชมพุทธประวัติ ฉบับการ์ตูน

Art of Asia: Buddhism - The Art of Enlightenment

ใครๆก็แก้กฎหมายได้(คุณก็ด้วย)

การแนะแนว"อนาคตประเทศไทยกับ 10 อาชีพสุดฮิพ"จัดโดยมูลนิธิไทยคม 10-11 ต.ค.52

Bookmark and Share

วันเสาร์ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ปรากฏการณ์วิกิลีกส์:จอมแฉแห่งยุคดิจิทัล

ปรากฏการณ์วิกิลีกส์:จอมแฉแห่งยุคดิจิทัล

คมชัดลึก : ขณะที่ชาวโลกกำลังพุ่งความสนใจไปยังเอกสารแฉด้านดำมืดของสงครามอัฟกานิสถานที่ "วิกิลีกส์" (Wikileaks.org) นำออกเผยแพร่จำนวน 9.2 หมื่นหน้าเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา เว็บไซต์แห่งนี้ก็มีอันล่มโดยไม่ทราบสาเหตุเป็นเวลาหลายชั่วโมงจนเป็นปมปริศนาปมหนึ่ง

สาเหตุอาจเป็นเพราะการจราจรคับคั่งเกินไป ด้วยมีผู้คนมหาศาลเกิดสนใจเว็บไซต์ที่แต่ก่อนไม่ค่อยเป็นที่รู้จักกันสักเท่าไหร่พร้อมๆ กัน หรือเพราะถูกโจมตีล้างแค้นจากหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐ หรือจากชาติพันธมิตรที่แสดงความโกรธเกรี้ยวอย่างไม่ปิดบัง ต่อการรั่วไหลของความลับสุดยอดทางทหารอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนบนโลกใบนี้ 

 แต่ไม่ว่าจะเหตุผลใดก็ตาม เว็บไซต์รวมพลคนต้องการแฉความลับแห่งนี้ โด่งดังเป็นพลุแตก ท่ามกลางเสียงถกเถียงที่อีกนานกว่าจะได้ข้อสรุปว่า การเผยแพร่เอกสารลับทางทหารจนเป็นระเบิดตูมใหญ่ใส่หน่วยสืบราชการลับของชาติมหาอำนาจโลกแบบนี้ ถือเป็นอาชญากรรมรูปแบบหนึ่ง หรือเป็นการรายงานเชิงสืบสวนแห่งอนาคตที่น่าชื่นชม

 วิกิลีกส์ เป็นองค์กรสื่อยุคใหม่ในโลกยุคดิจิทัล เช่นเดียวกับ ยูทูบ เฟซบุ๊ก และสารานุกรมออนไลน์ วิกิพีเดีย น่าสนใจคือองค์กรสื่อแห่งนี้ บอกแบบคลุมเครือว่าร่วมกันตั้งเมื่อปลายปี 2549 โดยผู้มีความเห็นไม่ลงรอยกับรัฐบาลจีน ผู้สื่อข่าว นักคณิตศาสตร์ ผู้รู้ด้านเทคโนโลยีตั้งแต่สหรัฐ ไต้หวัน ยุโรป ออสเตรเลีย และแอฟริกาใต้ ใช้พนักงานหลักๆ แค่ 5 คน แต่มีเครือข่ายอาสาสมัครกว่า 1,000 คน ที่ร่วมด้วยช่วยกันคัดกรอง ตรวจสอบ แก้ไข ก่อนเผยแพร่จนกลายเป็นฐานข้อมูลเอกสารลับใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์

 สำหรับงบประมาณอาศัยการบริจาคเป็นหลัก มีงบประมาณ 1.75 แสนปอนด์ต่อปี และได้รับการสนับสนุนด้านกฎหมายจากสำนักข่าวชื่อดังหลายแห่ง

 องค์กรแห่งนี้เรียกตัวเองว่า เป็นระบบปลอดเซ็นเซอร์สำหรับการแพร่งพรายเอกสารลับจำนวนมหาศาลแบบที่ไม่สามารถแกะรอยไปยังที่มาได้ เอกสารถูกเก็บอย่างดีในเซิร์ฟเวอร์หลักที่สวีเดน และอีกหลายประเทศที่มีกฎหมายคุ้มครองความลับสื่อ ข้อมูลถูกเข้ารหัสป้องกันระดับเดียวกับกองทัพ เพื่อปกป้องแหล่งข่าว และต่อต้านความพยายามบุกรุกของหน่วยงานรัฐ ตลอดจนบริษัท และเหล่าแฮ็กเกอร์ที่อยากลองดี

 เป้าหมายของ วิกิลีกส์ คือการสร้างสำนักข่าวกรองของประชาชน ขณะที่สื่อหลายแห่งพยายามให้คำจำกัดความหลากหลายแก่ วิกิลีกส์ เช่น นิตยสารนิวยอร์กเกอร์ ตั้งฉายาว่า การลุกฮือแข็งข้อของสื่อ ยึดมั่นกับสิ่งที่เรียกว่า ความโปร่งใสสุดขั้ว ด้วยความเชื่อว่ายิ่งลับน้อยเท่าไหร่ ยิ่งดีเท่านั้น ส่วนบล็อกแห่งหนึ่งระบุว่า วิกิลีกส์เป็นองค์กรสื่อไร้รัฐแห่งแรกของโลก 

 ภายในปีเดียวนับจากเปิดตัวเว็บไซต์ วิกิลีกส์คุยว่าฐานข้อมูลของตนเก็บเอกสารแนวเปิดโปง 1.2 ล้านชิ้น และมีผู้ส่งเอกสารเข้าไปนับหมื่นในแต่ละวัน  

 อาจกล่าวได้ว่าหากขาดซึ่งมันสมองและพลังความคิดผิดแผกจากคนทั่วไปของชายชื่อ จูเลียน พอล อาซานจ์ วันนี้แล้ว คงไม่ทำให้วิกิลีกส์มาถึงได้ และอาจกล่าวได้อีกว่าความลับหนึ่งที่วิกิลีกส์ ยังไม่ยอมแพร่งพรายออกมาก็คือปูมหลังอันชัดเจนของชายที่กำลังเป็นจุดสนใจของคนทั่วโลก   

 เท่าที่พอจะรวบรวมได้จากคำให้สัมภาษณ์และแหล่งต่างๆ อาซานจ์เกิดเมื่อปี 2514 ที่เมืองทาวน์สวิลล์ รัฐควีนสแลนด์ของออสเตรเลีย เคยพูดถึงตัวเองว่าเป็นกบฏโดยพันธุกรรม พ่อแม่พบกันระหว่างร่วมประท้วงต่อต้านสงครามเวียดนาม บิดาพร่ำสอนให้เขาเป็นลูกผู้ชายที่มีน้ำใจ คุ้มครองผู้ตกเป็นเหยื่อ และไม่เป็นผู้สร้างเหยื่อ ส่วนมารดานั้น สมัยเป็นวัยรุ่น ก็เคยขี่ม้าเข้าไปยังศาลาว่าการเมือง เพื่อประท้วงต่อต้านการปิดถนนสำหรับม้า เธอยังเป็นช่างทาสี นักแสดงและนางแบบให้แก่จิตรกรหาเลี้ยงชีพในซิดนีย์ด้วย 

 อาซานจ์เคยแต่งงานกับแฟนสาวตอนอายุเพียง 18 มีบุตรชาย 1 คน แต่แล้วเธอหอบลูกหนีไปขณะที่เขากำลังถูกตำรวจออสเตรเลียสอบสวนในข้อหาแฮ็กเกอร์ อาซานจ์แฮ็กระบบคอมพิวเตอร์ของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในออสเตรเลีย บริษัทนอร์เทล ยักษ์ใหญ่สื่อสารโทรคมนาคมของแคนาดา และองค์กรอีกหลายแห่ง เพื่อทดสอบระบบความปลอดภัยโดยไม่ได้ทำอันตรายใดๆ ต่อระบบ อาซานจ์รับสารภาพผิดในข้อหาแฮ็กเกอร์ 24 กระทง แต่ได้รับการปล่อยตัวโดยสัญญาว่าจะประพฤติดี หลังพ้นคดี อาซานจ์ใช้ชีวิตในเมลเบิร์นในฐานะโปรแกรมเมอร์และนักพัฒนาซอฟต์แวร์ให้เปล่า

 ด้านการศึกษา อาซานจ์เรียนด้านฟิสิกส์และคณิตศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยเมลเบิร์น กระทั่งปี 2549 ซึ่งเป็นปีที่เริ่มสนใจเรื่องการเปิดเว็บ วิกิลีกส์ ว่ากันว่า อาซานจ์เรียนด้วยตัวเองเป็นส่วนใหญ่ อ่านตำราวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์มากมาย ทั้งยังได้ศึกษาปรัชญาและประสาทวิทยาอีกด้วย

 แต่ความคิดที่จะยึดอาชีพอาจารย์ฟิสิกส์ต้องมีอันพับไป เมื่อได้พบว่านักวิชาการหลายต่อหลายคน ขายศักดิ์ศรีตัวเองให้แก่หน่วยข่าวกรองและกองทัพ อาซานจ์เคยประณามเรื่องนี้ในหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง และนั่นจุดประกายของการตั้งเว็บไซต์แบบไม่มีการประนีประนอม ซึ่งส่งผลให้อาซานจ์ได้รับรางวัลจากองค์การนิรโทษกรรมสากล จากการเปิดโปงกระบวนการอุ้มและวิสามัญมาตกรรมในเคนยา เมื่อปีที่แล้ว 

 ชายวัย 39 ปีผู้นี้ไม่มีบ้านเป็นหลักแหล่ง ใช้ชีวิตราวคนเผ่าเร่ร่อน หิ้วแล็ปท็อปกับเป้เสื้อผ้าอีกหนึ่งใบ ย้ายไปเรื่อยๆ แล้วแต่ว่าจะต้องไปไหนเพื่ออะไรบางอย่าง ยิ่งเวลานี้ว่ากันว่า อาซานจ์จะไม่อยู่ที่ไหนเกินสองวัน เพราะศัตรูเริ่มยาวเป็นหางว่าวตามการขยายตัวของฐานข้อมูลในวิกิลีกส์ 

 แม้ต้องใช้ชีวิตแบบนี้ก็ไม่ได้สร้างความลำบาก เพราะตอนเด็ก ต้องย้ายหลักแหล่งไปเรื่อยๆเพราะมารดาทำธุรกิจใหม่เป็นบริษัทจัดการแสดงเคลื่อนที่ จนทำให้เด็กชายอาซานจ์เข้าออกโรงเรียนถึง 37 แห่ง

 อาซานจ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องจริงที่ว่าทุกวันนี้อาศัยอยู่ที่สนามบิน เขาเคยอยู่เป็นช่วงๆ ที่ออสเตรเลีย เคนยา และแทนซาเนีย และเคยไปเยือนเวียดนาม สวีเดน ไอซ์แลนด์ ไซบีเรีย เบลเยียม และสหรัฐอเมริกา แต่ล่าสุด อาซานจ์เริ่มเช่าบ้านหลังหนึ่งในไอซ์แลนด์เมื่อเดือนมีนาคมปีนี้ และที่บ้านหลังนั้นเอง อาซานจ์กับนักเคลื่อนไหวจำนวนหนึ่ง ได้ร่วมกันทำงานจนเป็นที่มาของการเผยแพร่คลิปวิดีโอสงครามอัฟกานิสถาน    

 อาซานจ์เป็นหนึ่งในคณะกรรมการที่ปรึกษาที่มีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 9 คนของวิกิลีกส์ และทำหน้าที่โฆษกด้วย แม้ว่าสื่อต่างๆ จะระบุตำแหน่งว่าเป็นผู้ก่อตั้ง หรือผู้อำนวยการ แต่เจ้าตัวไม่อยากเรียกตัวเองแบบนั้น แต่ถือว่าเป็นบรรณาธิการบริหาร ของวิกิลีกส์ อาซานจ์เป็นคนตัดสินใจขั้นสุดท้ายในกระบวนการตรวจสอบเอกสารก่อนเผยแพร่ ซึ่งจุดยืนอันน่ากลัวของอาซานจ์คือ การแพร่งพรายที่ดีก็คือการไม่เซ็นเซอร์อะไรเลยที่เป็นเรื่องอ่อนไหวทางทหาร

อุไรวรรณ นอร์มา

http://www.komchadluek.net/detail/20100801/68362/ปรากฏการณ์วิกิลีกส์:จอมแฉแห่งยุคดิจิทัล.html


ขอเชิญอ่าน blog.Thank you so much.
http://www.thaifreedompress.blogspot.com/
http://sunblog1951.blogspot.com/ sunday
http://blogpwd.blogspot.com/ pwd9
http://ktblog1951.blogspot.com/ pwday
http://newsblog9.blogspot.com/ news
http://bloghealth99.blogspot.com/ health
http://labour9.blogspot.com/ labour
http://www.media4democracy.com/th/
http://www.youngtelecom.org/
http://www.logex.kmutt.ac.th/
http://www.mict4u.net/thai/
http://www.chula.ac.th/visitors/thai/calendar.htm
http://www.agkmstou.com/2008/index.php
http://www.baanjomyut.com/library/lotus/index.html
http://www.asianbarometer.org/newenglish/introduction/default.htm
http://www.isriya.com/node/2809
/wordcamp-bangkok-2009-pool-party
C:\Documents and Settings\user\My Documents\ไฟล์ที่ได้รับของฉัน\issarachon1101.wma
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=hiansoon

Wikileaks.org เว็บไซต์ของนักเปิดโปง

Wikileaks.org เว็บไซต์ของนักเปิดโปง

ถ้าคุณมีความลับอยากจะบอก แต่ไม่รู้จะไปบอกใครดี ที่นี่เป็นที่สำหรับคุณ!!!

กรุงเทพธุรกิจ ออนไลน์ 4/7/51: นี่ไม่ใช่เว็บไซต์ธรรมดาๆ ทั่วไป ทั้งในแง่รูปแบบและเนื้อหา โดยรูปแบบของเว็บเป็นการนำระบบของ Wikipedia หรือสารานุกรมออนไลน์ชื่อดังมาใช้ ทำให้ใครก็ตามสามารถเข้าไปแก้ไขบทความหรือเนื้อหาได้ตลอดเวลา

ส่วนความไม่ธรรมดาในแง่ของเนื้อหานั้นก็คือ ที่นี่เป็นแหล่งรวบรวมข้อมูลความลับต่างๆ ปัญหาความไม่ชอบธรรม เรื่องราวการคอร์รัปชั่น หรือเรื่องที่สาธารณชนควรรับรู้ โดยอาจเป็นข้อมูลของรัฐบาล ภาคธุรกิจและอุตสาหกรรม ความลับทางการทหาร ไม่เว้นแม้กระทั่งความลับขององค์กรทางศาสนา

เว็บไซต์ที่ว่านี้มีชื่อว่า Wikileaks.org ซึ่งเปิดตัวมาตั้งแต่เดือนมกราคม 2007 หรือเป็นเวลา 18 เดือนแล้วที่สมาชิกใน Wikileaks ได้เข้ามาเผยแพร่บทความเปิดโปงความลับและเรื่องอื้อฉาวต่างๆ จนเป็นที่กล่าวขวัญกันไปทั่วโลก ขณะเดียวกันก็ถูกเพ่งเล็งจากรัฐบาลในหลายประเทศแล้วเช่นกัน เพราะเว็บไซต์นี้เปิดรับข้อมูลจากทั่วโลก โดยเน้นประเทศในเอเชีย ละตินอเมริกา ตะวันออกกลาง แอฟริกา และกลุ่มประเทศที่เคยเป็นอดีตสหภาพโซเวียต

เรื่องแรกที่นำมาเปิดโปงตั้งแต่ก่อนเปิดตัวเว็บไซต์อย่างเป็นทางการก็คือ การปล้นชาติในประเทศเคนยา ด้วยอำนาจการบริหารของอดีตประธานาธิบดี Daniel Arap Moi ซึ่งเรื่องดังกล่าวก็ได้สร้างความวุ่นวายในระหว่างการเลือกตั้งประธานาธิบดีที่กำลังจะเกิดขึ้นพอสมควร

ถัดมาเป็นการเปิดโปงปฏิบัติการควบคุมตัวนักโทษในคุกของสหรัฐอเมริกาที่อ่าวกวนตานาโม โดย Wikileaks ระบุว่าสหรัฐมีนโยบายซ่อนตัวนักโทษบางคน จากการช่วยเหลือขององค์การกาชาดสากล รวมทั้งยังมีการใช้สุนัขในการข่มขู่นักโทษอีกด้วย

บทความต่างๆ เหล่านี้สร้างความไม่พอใจแก่กระทรวงกลาโหมของสหรัฐอเมริกาเป็นอย่างมาก เพราะถือเป็นการนำความลับสุดยอดทางทหารมาเปิดเผย ขณะที่ Julian Assange หนึ่งในผู้ก่อตั้ง Wikileaks บอกว่านี่เป็นเรื่องที่ทุกคนมีสิทธิ์รับรู้ถึงความไม่ชอบธรรมที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องที่เกิดในประเทศของตัวเอง นอกจากนี้ ยังมีข้อมูลความลับและความไม่ชอบธรรมในประเทศต่างๆ อีกนับร้อยประเทศ รวมถึงประเทศไทยด้วย

Julian เป็นชาวออสเตรเลียโดยกำเนิด แต่ขณะนี้อาศัยอยู่ในแอฟริกา นอกจากเขาจะเป็นผู้ก่อตั้ง Wikileaks แล้ว Julian ยังเป็นนักเขียนและแฮคเกอร์อีกด้วย ซึ่งเหตุนี้เองที่อาจจะทำให้เว็บไซต์แห่งนี้อยู่รอดปลอดภัยจากการปิดกั้นเสรีภาพในการเผยแพร่ข้อมูลมาจนถึงทุกวันนี้

เจ้าของชื่อ Wikileaks ที่แท้จริงนั้นอาศัยอยู่ในเคนยา แต่เจ้าตัวกลับไม่รู้เรื่องเว็บไซต์แห่งนี้มากนัก ส่วนเซิร์ฟเวอร์ก็ดูเหมือนจะตั้งอยู่ในประเทศสวีเดน แต่จริงๆ ยังมีเซิร์ฟเวอร์สำรอง (mirror) ตั้งอยู่มากมายทั่วโลก แม้กระทั่ง Ben Laurie ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบความปลอดภัยของ Wikileaks และยังเป็นหนึ่งในที่ปรึกษาของเว็บ ก็ยังไม่รู้ว่าเซิร์ฟเวอร์ที่แท้จริงตั้งอยู่ที่ไหนกันแน่ และใครเป็นผู้ดูแลเว็บนอกเหนือจากผู้ก่อตั้งอย่าง Julian

นี่เป็นเหตุผลหนึ่งที่สมาชิกทั่วโลกต่างยอมรับในการรักษาความลับได้เป็นอย่างดีของ Wikileaks จึงนำเรื่องราวต่างๆ มาเผยแพร่กันอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ทีมงานพบว่าหลายครั้งมีบทความที่ไม่น่าเชื่อถือปะปนอยู่ด้วยเช่นกัน ซึ่ง Julian ก็กำลังพิจารณาว่าจะเลิกใช้ระบบ Wiki ดีหรือไม่ และจะเปลี่ยนมาเผยแพร่บทความก็ต่อเมื่อเรื่องที่สมาชิกส่งเข้ามาได้รับการพิสูจน์ความจริงแล้วเท่านั้น

“เวลานี้เป็นยุคของนักสื่อสารมวลชนและนักเคลื่อนไหวต่างๆ ที่จะได้เผยแพร่ข้อมูลได้อย่างเต็มที่โดยไม่ต้องเกรงกลัวอิทธิพลใดๆ หรือไม่ต้องเซ็นเซอร์ตัวเองอีกต่อไป คุณลองนึกถึงโลกที่รัฐบาลหรือบริษัทคอยดูแลประชาชนและพนักงานบริษัทให้อยู่กันอย่างมีความสุขสิ นั่นคือโลกที่เรากำลังสร้างให้มันเป็นจริงขึ้นมา”

แม้วันนี้ Julian จะวาดฝันไว้อย่างสวยหรู แต่ยังไม่มีใครรับประกันได้ว่า Wikileaks จะอยู่รอดปลอดภัยไปได้นานเท่าไหร่ อย่างไรก็ตาม นี่ถือเป็นเว็บไซต์ที่มีแนวคิดและอุดมการณ์อันสร้างสรรค์และน่ายกย่องไม่น้อย ในสภาวะมีความไม่ชอบธรรมและทุจริตเกิดขึ้นไปทั่วทุกหัวระแหง

http://www.tlcthai.com/webboard/view_topic.php?table_id=1&cate_id=31&post_id=29893&tltle=Wikileaks.org-%E0%C7%E7%BA%E4%AB%B5%EC%A2%CD%A7%B9%D1%A1%E0%BB%D4%B4%E2%BB%A7


ขอเชิญอ่าน blog.Thank you so much.
http://www.thaifreedompress.blogspot.com/
http://sunblog1951.blogspot.com/ sunday
http://blogpwd.blogspot.com/ pwd9
http://ktblog1951.blogspot.com/ pwday
http://newsblog9.blogspot.com/ news
http://bloghealth99.blogspot.com/ health
http://labour9.blogspot.com/ labour
http://www.media4democracy.com/th/
http://www.youngtelecom.org/
http://www.logex.kmutt.ac.th/
http://www.mict4u.net/thai/
http://www.chula.ac.th/visitors/thai/calendar.htm
http://www.agkmstou.com/2008/index.php
http://www.baanjomyut.com/library/lotus/index.html
http://www.asianbarometer.org/newenglish/introduction/default.htm
http://www.isriya.com/node/2809
/wordcamp-bangkok-2009-pool-party
C:\Documents and Settings\user\My Documents\ไฟล์ที่ได้รับของฉัน\issarachon1101.wma
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=hiansoon

กทช.เตรียมเปิดประชาพิจารณ์ทีวีดาวเทียม 16 ส.ค.นี้

กทช.เตรียมเปิดประชาพิจารณ์ทีวีดาวเทียม 16  ส.ค.นี้

กทช.เตรียมเปิดประชาพิจารณ์ทีวีดาวเทียม 16 ส.ค. พร้อมขึ้นประกาศเว็บไซด์ หากไม่ต้องแก้ไขเนื้อหามาก เร่งร่างหลักเกณฑ์ทีวีผ่านอินเทอร์เน็ต

นายพนา ทองมีอาคม กรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) เปิดเผยว่า กทช.จะจัดรับฟังความคิดเห็นร่างหลักเกณฑ์ และวิธีการอนุญาต ประกอบการกิจการที่ไม่ใช้คลื่นความถี่ชั่วคราว (กิจการโทรทัศน์ที่ไม่มีการบอกรับสมาชิก หรือ ทีวี ดาวเทียม) ในวันที่ 16 ส.ค. นี้

เบื้องต้นให้อนุกรรมการวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ เปิดรับฟังความคิดเห็น อาทิ ในประเด็นโฆษณา โดยเสนอว่า ทีวีดาวเทียมจะโฆษณาได้ 12 นาทีต่อชั่วโมง ส่วนช่องรายการทีวีต่างประเทศ จะขายรายการให้กับผู้ประกอบการในไทย จะต้องลงทะเบียน เพื่อให้อยู่ในการกำกับดูแล โดยร่างหลักเกณฑ์ดังกล่าว จะออกมาจะเกี่ยวกับการออกใบอนุญาต (ไลเซ่นส์) ชั่วคราว

ถ้าหากไม่มีการแก้ไขเนื้อหามาก ก็จะนำรายละเอียดหลักเกณฑ์ประกาศบนเว็บไซต์ เพื่อให้ผู้ประกอบการทีวีดาวเทียม อยู่ภายใต้การกำกับดูแล โดยปัจจุบันในไทยมีทีวีดาวเทียมประมาณ 80-90 ช่อง มีผู้ประกอบการ 20-30 ราย

ทั้งนี้ ทีวีดาวเทียมเป็นอีกหนึ่งภารกิจหนึ่งที่ กทช. ต้องเร่งดำเนินการกำกับดูแล เนื่องจากยังมีบางช่อง ใช้สื่อมายั่วยุปลุกระดม หรือ การโฆษณาขายสินค้าขายตรง โดยไม่มีการควบคุม เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีแผนเดินหน้าออกร่างหลักเกณฑ์ และวิธีการอนุญาตบริการทีวีผ่านอินเทอร์เน็ต ในเร็วๆ นี้ ด้วย เพื่อควบคุมดูแลไม่ให้มีปัญหา

ขอเชิญอ่าน blog.Thank you so much.
http://www.thaifreedompress.blogspot.com/
http://sunblog1951.blogspot.com/ sunday
http://blogpwd.blogspot.com/ pwd9
http://ktblog1951.blogspot.com/ pwday
http://newsblog9.blogspot.com/ news
http://bloghealth99.blogspot.com/ health
http://labour9.blogspot.com/ labour
http://www.media4democracy.com/th/
http://www.youngtelecom.org/
http://www.logex.kmutt.ac.th/
http://www.mict4u.net/thai/
http://www.chula.ac.th/visitors/thai/calendar.htm
http://www.agkmstou.com/2008/index.php
http://www.baanjomyut.com/library/lotus/index.html
http://www.asianbarometer.org/newenglish/introduction/default.htm
http://www.isriya.com/node/2809
/wordcamp-bangkok-2009-pool-party
C:\Documents and Settings\user\My Documents\ไฟล์ที่ได้รับของฉัน\issarachon1101.wma
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=hiansoon

วันพฤหัสบดีที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

วิจัยชาวบ้านต่อสู้คดีความโลกร้อน




วิจัยชาวบ้านต่อสู้คดีความโลกร้อน

วันเสาร์ที่ 17 กรกฏาคม 2010 เวลา 05:10 น. ผู้ดูแลระบบ
อีเมล พิมพ์ PDF

วิจัยชาวบ้านต่อสู้คดีความโลกร้อน

เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2553 ณ ห้องประชุมศูนย์ฝึกอบรมวนศาสตร์ชุมชนแห่งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

(รีคอฟ) มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ทางเครือข่ายปฏิรูปที่ดินแห่งประเทศไทย ร่วมกับ กลุ่มปฏิบัติงานท้องถิ่นไร้พรมแดน Oxfam GB (ประเทศ ไทย) และศูนย์ฝึกอบรมวนศาสตร์ชุมชนแห่งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก จัดเวทีประชุมเตรียมความพร้อมให้กับชุมชนในการต่อสู้คดีโลกร้อน โดยมีชาวบ้านในเครือข่ายที่ประสบปัญหาด้านคดีความโลกร้อน เจ้าหน้าที่องค์กรพัฒนาเอกชน นักกฎหมายและนักวิชาการ เข้าร่วมประมาณ 50 คน

วัตถุประสงค์หลักของการประชุมครั้งนี้เพื่อนำเสนอสถานการณ์คดีโลกร้อน ประเด็นการต่อสู้ และข้อมูลงานวิจัยชุมชนของเครือข่ายฯเพื่อหักล้างคดีความโลกร้อน รวมทั้งการวิเคราะห์แลกเปลี่ยนแบบจำลองการคิดค่าเสียหายโลกร้อน การวิเคราะห์แนวทางทางกฎหมายและนโยบายเพื่อสนับสนุนการต่อสู้ของเกษตรกรราย ย่อยที่ถูกคดีความโลกร้อน

1. การนำเสนอประเด็นปัญหาเรื่องที่ดิน และคดีโลกร้อนในภาพรวม

สถานการณ์ภาพรวมคดีเรื่องที่ดิน ป่าไม้ และที่สถานประโยชน์ ข้อมูลสถิติจากเครือข่ายปฏิรูปที่ดินแห่งประเทศไทย

ภูมิภาค

จำนวนคดี/กรณี

จำนวนผู้ถูกคดี/ รายคน

ภาคเหนือ

76

285

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

14

115

ภาคใต้

41

100

รวม

131

500

จำนวนคดีโลกร้อนที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน มีจำนวนทั้งสิ้น 38 คดี โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

สถานการณ์เกษตรกรผู้ถูกดำเนินคดีแพ่ง (โลกร้อน) ตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2535 มาตรา 97

ลำดับ

สถานะของคดี

จำนวน (ราย)

มูลค่าความเสียหาย

เพศ

ขนาดพื้นที่ถูกฟ้อง (ไร่)

หญิง

ชาย

1.

มีหนังสือเรียกค่าเสียหาย

10

12,595,000

10

-

สูงสุด 21-8-83 ไร่

2.

กำลังอุทธรณ์คดีอาญาและถูกดำเนินคดีแพ่ง

16

426,876

6

10

9-0-46 ไร่

3.

กำลังฎีกาคดีอาญาและกำลังอุทธรณ์คดีแพ่ง

1

129,732

-

1

3-3-0 ไร่

4.

ศาลตัดสินคดีอาญาและกำลังดำเนินคดีแพ่ง

2

730,300

2

-


5.

ศาลตัดสินคดีอาญาและบังคับคดีแพ่ง

9

18,960,000

7

2



รวม

38

32,841,608

25

13


กรมอุทยาน ฯ มีการคำนวนความเสียหายในการฟ้องร้องชาวบ้านเกษตรกรรายย่อยในคดีโลกร้อนโดยใช้แบบจำลองซึ่งมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

1. ทำให้ธาตุอาหารในดินสูญหายคิดเป็นมูลค่า 4,064 บาท ต่อไร่ต่อปี (เป็นการคิดค่าใช้จ่ายในการซื้อแม่ปุ๋ยไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และโพแทสเซี่ยมไปโปรยทดแทน)

2. ทำให้ดินไม่ดูดซับน้ำฝน 600 บาทต่อไร่ต่อปี

3. ทำให้สูญเสียน้ำออกไปจากพื้นที่โดยการแผดแผาของดวงอาทิตย์ 52,800 บาทต่อไร่ต่อปี

4. ทำให้ดินสูญหาย 1,800 บาทต่อไร่ต่อปี (คิดเป็นค่าใช้จ่ายในการบรรทุกดินขึ้นไปและปูทับไว้ที่เดิม)

5. ทำให้อากาศร้อนมากขึ้น 45,453.45 บาทต่อไร่ต่อปี (คิดเป็นค่าใช้จ่ายค่ากระแสไฟฟ้าที่ใช้เดินเครื่องปรับอากาศชั่วโมงละ 2.10 บาท ซึ่งต้องใช้เครื่องปรับอากาศทั้งหมดเท่ากับ 5.93 ตันต่อชัวโมงและกำหนดให้เครื่องปรับอากาศทำงานวันละ 10 ชั่วโมง (08.00-18.00 .)

6. ทำให้ฝนตกน้อยลง 5,400 ไร่ต่อปี

7. มูลค่าความเสียหายทางตรงจากป่า 3 ชนิด

7.1 การทำลายป่าดงดิบค่าเสียหายจำนวน 61,263.36 บาท (ต่อไร่)

7.2 การทำลายป่าเบญจพรรณค่าเสียหายจำนวน 42,577.75 บาท (ต่อไร่)

7.3 การทำลายป่าเต็งรังค่าเสียหายจำนวน 18,634.19 บาท (ต่อไร่)

จาก สถานการณ์คดีโลกร้อนนี้เองทำให้เกิดการทำงานวิจัยชุมชนเพื่อช่วยสนับสนุนชาว บ้านในการต่อสู้คดีโลกร้อน โดยความร่วมมือระหว่างชุมชนท้องถิ่นในภาคอีสานและภาคใต้ เครือข่ายปฏิรูปที่ดินภาคอีสานและภาคใต้ กลุ่มปฎิบัติงานท้องถิ่นไร้พรมแดน และศูนย์ฝึกอบรมวนศาสตร์ชุมชนฯ(รีคอฟ)

โดยงานวิจัยนี้ได้ดำเนินการในพื้นที่ ศึกษาหลัก 4 ชุมชน คือ

1. ชุมชนบ้านทับเขือ-ปลักหมู อำเภอนาโยง จังหวัดตรัง

2. ชุมชนบ้านตระ อำเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง

3. ชุมชนบ้านห้วยกลฑา อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์

4. ชุมชนบ้านห้วยระหงส์ อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์

เป้าหมายของการทำงานวิจัย

  • เพื่อนำข้อมูลผลการศึกษาไปใช้อธิบาย ต่อสู้ทางคดีความในชั้นศาลให้กับเกษตรกรรายย่อยที่ถูกฟ้องร้องและเรียกค่าเสียหาย
  • เพื่อทำความเข้าใจกับสังคมในเรื่องวิถีการผลิตและการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืนของชุมชนที่สัมพันธ์กับประเด็นเรื่องภาวะโลกร้อน

วัตถุประสงค์งานวิจัย

  • เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ของวิถีการผลิตและการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืนของชุมชนกับเรื่องภาวะโลกร้อน
  • เพื่อ ศึกษาเปรียบเทียบปริมาณการปลดปล่อย การกักเก็บ และการดูดซับธาตุคาร์บอน และผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมในวิถีการผลิตและการใช้ทรัพยากรธรรมชาติในรูปแบบ ต่างๆของชุมชน
  • เพื่อ นำเสนอแนวทางนโยบายในการส่งเสริมและสนับสนุนวิถีการผลิตและการจัดการ ทรัพยากรป่าไม้และทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืนโดยชุมชนมีส่วนร่วมเพื่อ สร้างให้เกิดความมั่นคงทางอาหารและสร้างความสมดุลทางคาร์บอนอันเป็นการ บรรเทาปัญหาภาวะโลกร้อน

2. การนำเสนองานวิจัยที่ 1 พื้นที่บ้านห้วยกลทา อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ (ดูรายละเอียดเนื้อหาจากเอกสารแนบ)

3. การนำเสนองานวิจัยที่ 2 พื้นที่บ้านทับเขือ ปากหมู ตำบลช่อง อำเภอนาโยง จังหวัดตรัง (ดูรายละเอียดการนำเสนอจากเอกสารที่แนบ)

ข้อเสนอแนะจากที่ประชุมต่องานวิจัยทั้ง 2 ชิ้น

การ นำเสนอผลการวิจัยทั้งสองพื้นที่แสดงให้เห็นว่าวิจัยมุ่งเน้นที่การเก็บ ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์เพื่อโต้แย้งกับแบบจำลองของกรมอุทยาน ฯ ซึ่งที่ประชุมมีความเห็นว่า

1. งาน วิจัยยังไม่สามารถแก้หรือหักล้างคดีโลกร้อนได้ทั้งหมด แต่เป็นการชี้ให้เห็นข้อเท็จจริงว่าเป็นอย่างไร จากข้อมูลที่ได้จากพื้นที่เปรียบเทียบกับแบบจำลองเพื่อคิดค่าเสียหายที่กรม อุทยานนำมาฟ้อง

· กรณีการฟ้องเรื่องอุณหภูมิที่สูงขึ้น ใช้อุณหภูมิที่จังหวัด ซึ่งห่างไกลจากพื้นที่ โดยผลการศึกษาเรื่องอุณหภูมิในระดับพื้นที่(Micro Climate) พบว่า ความแตกต่างของอุณหภูมิเปลี่ยนไปตามช่วงเวลา การวัดอุณหภูมิจะขึ้นอยู่กับความสูง และรอบวันด้วย

· ใน การคิดค่าเสียหายเรื่องธาตุอาหารในดินสูญหาย จากการคำนวณไนโตรเจน จะเห็นได้ว่าไนโตรเจนในดินมาจากหลายแห่ง เช่น ได้มาจากพืชตระกูลถั่ว ที่ขึ้นอยู่ปกคลุมดินในพื้นที่ ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่ค่าไนโตรเจนในดินที่เปิดโล่งจะมีค่าเป็นศูนย์หรือติดลบ ดังสมการคณิตศาสตร์ที่ทางกรมอุทยานนำมาใช้

· ประเด็น การกัดเซาะหน้าดิน การซึมน้ำของดิน จะมีความแตกต่างกัน ตามลักษณะของพื้นที่ โดยพืชคลุมดินมีส่วนช่วยในการลดอัตราการกัดเซาะหน้าดินมากกว่าการปกคลุม เรือนยอดของต้นไม้

· การ ดูดซับก๊าซคาร์บอน การกักเก็บคาร์บอนอยู่ในรูปของเนื้อไม้ ซึ่งในแต่ละพื้นที่มีการอนุรักษ์ป่าธรรมชาติ มีการผสมผสานต้นไม้กับพืชคลุมดิน มีวิถีปฏิบัติด้านเขตกรรม(Cultural Practice) มี พืชเสริม เช่น ผสมผสานถั่วแดงในไร่ข้าวโพด มีการตัดสางและกักเก็บซากพืชคลุมดินสะสมไว้ในดิน โดยสัดส่วนคาร์บอนที่สะสมในดินนี้มักจะมีอยู่มากที่สุด และกำลังรอผลการตรวจสอบดินจากห้องแล็ป

2. กิจกรรม ทุกกิจกรรมของมนุษย์ล้วนปลดปล่อยคาร์บอน และการปลดปล่อยคาร์บอนเพื่อความมั่นคงทางอาหารหรือวิถีชุมชน เพื่อการดำรงชีวิต เพื่อความอยู่รอด ให้เป็นเรื่องที่ยอมรับได้

3. ควร มีการสร้างแบบจำลองการจัดการทรัพยากรโดยชุมชนเอง เพื่อต่อสู้ทางคดี และนำไปใช้ในอนาคต โดยให้ชาวบ้านได้มีส่วนร่วมในการทำวิจัย ทำข้อมูล และทีมวิชาการ ทีมคนทำงานช่วยเสริมให้เกิดกระบวนการ และควรมีการรณรงค์ให้เกิดความเข้าใจในวิถีชุมชนต่อสาธารณชน และนำไปสู่การวางแผนการจัดการที่ดินและทรัพยากรร่วมกันของเครือข่าย

4. การ เตรียมตัวเพื่อสู้คดี ควรสู้มากกว่าโมเดล เช่นทำอย่างไรถึงจะทำให้ศาลเชื่อว่าชาวบ้านอยู่ทำกินมาก่อน ประเด็นคือต้องรวมกันระหว่างแนวคิดเชิงวิทยาศาสตร์ นิเวศวิทยา และแนวคิดทางสังคม วิถีชุมชน สิทธิชุมชน เมื่อรวมกันแล้วจะเป็นพลังในการต่อสู้มากขึ้น

5. ข้อควรระมัดระวัง ถ้านำเสนอข้อมูลไม่รอบด้าน การใช้เรื่องแบบจำลองการคิดค่าเสียหาย 7 ข้อ มาสู้เพียงลำพัง จะทำให้เกิดความล่อแหลม จะทำให้ข้อมูลนี้กลับมาเป็นโทษแก่ชุมชนมากกว่าจะเป็นประโยชน์ในการต่อสู้คดี (ตัวอย่าง เช่น ไร่ข้าวโพดทำให้ดินอุ้มน้ำน้อยกว่าพื้นที่ป่า หรืออุณหภูมิของไร่ข้าวโพดสูงกว่าพื้นที่ป่า และอุณหภูมิของไร่ข้าวโพดมีความแตกต่างกันมากในระหว่างกลางวันและกลางคืน ในขณะที่อุณหภูมิพื้นที่ป่ามีความแตกต่างกันน้อยกว่า เป็นต้น)

6. มี การนำเสนอว่าให้เก็บข้อมูลเพิ่มเติมเรื่องรอยเท้านิเวศน์ของทั้งสองพื้นที่ เพื่อพิสูจน์ว่าเกษตรกรเหล่านี้เป็นผู้ผลิตก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์น้อยกว่า กลุ่มคนอื่น ๆ ในสังคม

7. งาน วิจัยในพื้นที่ภาคใต้และภาคอีสานควรจะเพิ่มเนื้อหาในเรื่องภาพรวมของชุมชน มากขึ้น เพื่อเชื่อมโยงให้เห็นว่าวิถีชีวิตของชุมชนไม่ได้ทำให้โลกร้อน โดยเน้นถึงวิถีการทำเกษตรของชุมชน และความพยายามของชุมชนในการดูแลรักษาป่า การพึ่งพาอาศัยป่าเพื่อความมั่นคงทางอาหารและเศรษฐกิจของครัวเรือน อาจจะต้องมีการเก็บข้อมูลเพิ่มเติม หรือใช้ข้อมูลเดิมที่เคยศึกษามาแล้วในเรื่องความมั่นคงทางด้านอาหารและราย ได้มาเพิ่มเติมเพื่อให้ข้อมูลงานวิจัยมีน้ำหนักมากขึ้นเพื่อเป็นประโยชน์ใน การต่อสู้คดี

4. การนำเสนองานวิจัยที่ 3 พื้นที่บ้านห้วยหินลาด อำเภอเวียงป่าเป้า จังหวัดเชียงราย (ดูรายละเอียดการนำเสนอจากเอกสารที่แนบ)

งานวิจัยชิ้นนี้มีความแตกต่างจาก 2 ชิ้น แรกไม่ได้มีวัตถุประสงค์การศึกษาเพื่อโต้แย้งกับแบบจำลองของกรมอุทยาน ฯ จึงทำให้ขาดการเก็บข้อมูลในเชิงเทคนิควิทยาศาสตร์ทางด้านป่าไม้ ดิน และน้ำ แต่เป็นการศึกษาเพื่อแสดงให้เห็นว่าชุมชนบ้านห้วยหินลาดเป็นชุมชนคาร์บอนต่ำ และมีวิถีการผลิตที่ต้องพึ่งพาอาศัยป่า และในทางกลับกันก็ดูแลรักษาป่าให้มีความอุดมสมบูรณ์อย่างยั่งยืน และความอุดมสมบูรณ์ของป่าจะทำให้เกิดความมั่นคงทางด้านอาหารและเศรษฐกิจครัวเรือน

ข้อเสนอแนะของที่ประชุมต่องานวิจัยชิ้นที่ 3

เป็นงานวิจัยที่ช่วยทำให้เห็นส่วนที่ขาดหายไปของงานวิจัยสองชิ้นแรก ถ้างานวิจัยทั้ง 3 ชิ้นนี้นำเอาเทคนิควิธีการวิจัยมารวมกันจะทำให้เกิดงานวิจัยชุมชนที่มีข้อมูลรอบด้านมากขึ้น

5. การวิเคราะห์แบบจำลองโดยอาจารย์เดชรัต สุขกำเนิด

5.1 ประเด็นการปรับชาวบ้านในคดีโลกร้อนนั้นเมื่อเทียบกับหลักการทางเศรษฐศาสตร์สิ่งแวดล้อมคือ "ผู้ ก่อให้เกิดความเสียหายเป็นผู้จ่าย" จะต้องบังคับใช้กับผู้ก่อความเสียหายทุกคน หรือบังคับใช้กับผู้ที่เป็นต้นเหตุหลักในก่อความเสียหาย แต่ชาวบ้านไม่ได้เป็นผู้ก่อความเสียหายหลักในประเด็นเหล่านี้

5.2 ค่าความเสียหายคำนวณจากแนวปฏิบัติทั่วไปในการฟื้นฟู และ/หรือ ทดแทนความเสียหายของทรัพยากรหรือสิ่งแวดล้อมนั้น ถ้าเป็นไปได้ก็ควรใช้แนวปฏิบัติที่มีต้นทุนที่เหมาะสม โดยเน้นการปรับตัวของผู้ก่อให้เกิดความเสียหายนั้นด้วย ซึ่ง การเปิดแอร์เพื่อลดอุณหภูมิ หรือการนำน้ำไปฉีด หรือขนดินขึ้นไปเติมในพื้นที่ไม่ใช่เป็นมาตรการฟื้นฟูที่เหมาะสมและเป็นแนว การปฏิบัติทั่วไป

5.3 การใชัแบบจำลองคิดค่าเสียหายเป็นปัญหาเพราะไม่มีการวิเคราะห์ความสมบูรณ์ของป่าในสภาพพื้นที่พิพาทจริง เพราะแบบจำลองมีแต่การจำแนกชนิดป่า 5 ชนิดเท่านั้น ไม่มีรายละเอียดของความอุดมสมบูรณ์

5.4 การใชัแบบจำลองคิดค่าเสียหายเป็นปัญหาเพราะเป็นการคำนวณค่าความเสียหายของเนื้อไม้ และการเพิ่มพูนของเนื้อไม้รายปี (ปริมาตรไม้) เท่านั้นไม่มีการคำนวณความเสียหายของเนื้อไม้ชนิดของไม้ที่ตัด

5.5 การใชัแบบจำลองคิดค่าเสียหายเป็นปัญหาเพราะการคำนวณความเสียหายจากการสูญเสียธาตุอาหารหลักโดยการคำนวณ N-P-K จากข้อมูลพื้นที่หน้าตัดลำต้นของต้นไม้เท่านั้นไม่มีการสำรวจสภาพของธาตุอาหารในดินในพื้นที่จริงและในพื้นที่ป่าใกล้เคียง และไม่มีการสำรวจพืชคลุมดินในสภาพพื้นที่จริง

5.6 การใชัแบบจำลองคิดค่าเสียหายเป็นปัญหาเพราะการคำนวณค่าความเสียหายจากอากาศร้อนขึ้น ไม่มีการสำรวจสภาพอุณหภูมิในพื้นที่จริง (ในระดับต่างๆ และในช่วงเวลาต่างๆ) และไม่มีการสำรวจพืชคลุมดินในพื้นที่จริงเพื่อเปรียบเทียบกับสภาพป่าใกล้เคียง แบบ จำลองคำนวณค่าเสียหายจากอากาศร้อนขึ้น โดยใช้ข้อมูลชนิดของป่า และพื้นที่หน้าตัดของต้นไม้ที่ถูกตัด มาคำนวณเป็นค่าคะแนนปัจจัยพืชคลุมดิน โดยไม่มีการสำรวจพื้นที่จริง

5.7 การใชัแบบจำลองคิดค่าเสียหายเป็นปัญหาเพราะการ คำนวณค่าความเสียหายจากอากาศร้อนขึ้น โดยเปรียบเทียบกับการเปิดเครื่องปรับอากาศ มิใช่วิธีการปกติที่คนทั่วไปจะใช้ในการลดอุณหภูมิในสภาพพื้นที่จริง ทั้งยังเป็นวิธีการที่ยิ่งทำให้อุณหภูมิโดยรวมสูงขึ้น

5.8 การใชัแบบจำลองคิดค่าเสียหายเป็นปัญหาเพราะการคำนวณปริมาณน้ำที่สูญหายมาจาก 3 ส่วน 1) ดินไม่ดูดซับน้ำ เนื่องจากการอัดแน่นของผิวดินจากแรงกระทบของเม็ดฝน 2)แสงแดดแผดเผา เนื่องจากไม่มีป่ามาปกคลุม 3) ฝนตกน้อยลง แต่ไม่มีการเก็บข้อมูลการดูดซับน้ำของดินในสภาพจริง ไม่มีข้อมูลการระเหยน้ำในสภาพจริง และไม่มีข้อมูลปริมาณน้ำฝนในสภาพจริง (แบบจำลองใช้ข้อมูลน้ำฝนรายจังหวัด แทนปริมาณน้ำฝนในพื้นที่จริง, แบบจำลองใช้การจำแนกชนิดป่าแทนสภาพของพืชในพื้นที่จริง และแบบจำลองใช้ความสูงของชั้นดิน แทนสภาพดินในพื้นที่จริง (เช่น ความชื้น)

5.9 การใชัแบบจำลองคิดค่าเสียหายเป็นปัญหาเพราะการคำนวณค่าความเสียหายโดยเทียบกับการเช่ารถบรรทุกน้ำขึ้นไปฉีดพรมในพื้นที่ มิใช่วิธีปฏิบัติของคนทั่วไปในสภาพพื้นที่จริง

5.10 การใชัแบบจำลองคิดค่าเสียหายเป็นปัญหาเพราะการคำนวณความเสียหายจากดินสูญหาย ไม่มีการคำนึงถึงสภาพของพืชคลุมดิน สภาพฝนที่ตกในพื้นที่ และการเพิ่มพูนดินจากเกษตรกรรมในสภาพจริง

5.11 การใชัแบบจำลองคิดค่าเสียหายเป็นปัญหาเพราะ ปัญหาการนับซ้ำ (double counting) ค่าความเสียหาย 1)ระหว่างการคิดค่าดินสูญหายกับธาตุอาหารสูญหาย 2) ระหว่างการคิดค่าอากาศที่ร้อนขึ้นกับการสูญเสียน้ำ

สรุป

มี ความเป็นไปได้สูงมากที่จะโต้แย้งแบบจำลองการคิดค่าเสียหาย เพราะแบบจำลองดังกล่าวมีการใช้ข้อมูลในแต่ละสภาพพื้นที่จริงน้อยมาก กลายเป็นจุดอ่อนของแบบจำลองเอง

เพียงแต่จะต้องเน้นการทำเอกสารวิชาการที่จะใช้โต้แย้งให้ชัดเจนและน่าเชื่อถือยิ่งขึ้น

ดู จากตัวอย่างการพิจารณาคดีที่ผ่านมาทำให้เห็นว่า ตราบใดที่ศาลยังเห็นว่า การตัดต้นไม้เป็นการทำลายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ดังนั้นชาวบ้านจะไม่ต้องชดใช้ค่าเสียหาย

การต่อสู้คดีจึงต้องมุ่งนำเสนอภาพรวมทั้งหมดของวิถีชีวิตชุมชน (มิใช่แค่ตอไม้ 37 ตอ) ว่าช่วยรักษาทรัพยากรธรรมชาติได้อย่างไร

โดยเฉพาะการคิดค่าเสียหายเรื่อง "โลกร้อน" จำเป็นต้องมองในภาพรวมเช่น ต้องพิจารณารอยเท้านิเวศน์ หรือรอยเท้าคาร์บอนของชุมชน

แต่เราจะโยง "ไร่ข้าวโพด" กับ "ป่าชุมชน" ในการพิจารณาคดีได้อย่างไร??

6. การ วิเคราะห์การสู้คดีในประเด็นกฏหมายสิทธิตามรัฐธรรมนูญและกฏหมายสิ่งแวดล้อม หรือประเด็นกฏหมายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง โดย ทีมกฏหมาย นำโดยพี่แย้ พี่แสงชัย และฉี

  • การฟ้องศาลปกครอง
    • เกี่ยว กับแนวปฏิบัติเรื่องการเรียกค่าเสียหายทางสิ่งแวดล้อมของกรมอุทยานฯ ทางทีมกฎหมาย ได้พิจารณากันว่า มีช่องทางในการฟ้องต่อศาลปกครองเพื่อให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนแนวปฏิบัติดัง กล่าวหรือไม่ (ฟ้องเพิกถอนแนวปฏิบัติฯ และกระบวนการที่ไม่ถูกต้องและไม่ชอบธรรม)
    • ในที่ประชุมมีการแลกเปลี่ยนความเห็นกันในแง่กฎหมาย และมีข้อสรุปว่าควรใช้ช่องทางนี้ด้วย โดยให้ทางทีมกฎหมาย (ฉีและพี่แสงชัย) ไปร่างคำฟ้องมาและส่งให้ทีมทนายทุกคนช่วยดูอีกครั้ง
  • วิเคราะห์แนวทางการพิพากษาของศาลเรื่องคดีโลกร้อน
    • ใน ที่ประชุมมีการวิเคราะห์เพิ่มเติมจากความเห็นของอาจารย์เดชรัตน์ เรื่องคำพิพากษาของศาลหล่มสัก เกี่ยวกับโมเดลการคิดค่าเสียหาย ว่าถึงแม้ศาลจะไม่เชื่อว่าค่าเสียหายที่คิดไม่ตรงกับสภาพที่เกิดเหตุจริงก็ ตาม แต่ศาลก็ใช้ดุลยพินิจคิดค่าเสียหายอยู่ดี ในคดีนี้ศาลพิจารณาจากเนื้อไม้ที่มีการตัดในพื้นที่จำนวน 38 ต้น และคิดค่าเสียหายเป็นเงิน 45,000 บาท
    • ใน ที่ประชุมได้แลกเปลี่ยนกันในประเด็นนี้แล้วเห็นว่า การต่อสู้คดีหรือนำสืบพยานหลักฐานในการพิจารณาคดีจะต้องนำสืบให้เห็นว่า การใช้ประโยชน์ในที่ดินของชาวบ้านไม่ได้ทำให้เกิดความเสียหายทางสิ่งแวดล้อม แต่อย่างใด ในทางตรงข้ามยังช่วยรักษาหรือทำให้สิ่งแวดล้อมดีขึ้น โดยต้องมีการลงไปทำข้อมูลในพื้นที่อย่างละเอียดไม่ว่าจะเป็นการตรวจวัด อุณหภูมิ การตรวจวัดดิน อย่างที่ทีมวิจัยได้ไปทำในพื้นที่เพชรบูรณ์และพื้นที่ตรัง เพื่อนำข้อมูลไปประกอบในการนำเสนอต่อศาล เพื่อหักล้างความเสียหายที่ฝ่ายกรมอุทยานฯฟ้อง และเพื่อศาลจะได้ไม่ใช้ดุลยพินิจหรือใช้ดุล

Come join me at RABBIT Photography Exhibition by Tada Varich on PORTFOLIOS*NET Creative Community


 

PORTFOLIOS*NET
PORTFOLIOS*NET has invited you to the event 'RABBIT Photography Exhibition by Tada Varich' on PORTFOLIOS*NET Creative Community!
 
CU Tomorrow... แล้วเจอกันครับทุกคน

RABBIT Photography Exhibition by Tada Varich Time: July 23, 2010 at 6pm to August 23, 2010 at 7pm
Location: SIAM CENTER AT MOF F 4TH FLOOR
Organized By: rabbittada

Event Description:
special art work collections and opening RABBIT magazine

“RABBIT” Photo Exhibition by TADA VARICH
นิทรรศการภาพถ่ายผลงาน ธาดา วาริช
ที่ Mob.F ชั้น 4 สยามเซ็นเตอร์

Mob.F มัลติแบรนด์ดีไซเนอร์ไทยร้านแรกของกรุงเทพฯ ชั้น 4 สยามเซ็นเตอร์ ร่วมกับมหาวิทยาลัยกรุงเทพ จับมือช่างภาพชื่อดัง ธาดา วาริช จัดนิทรรศการ “RABBIT” Photo Exhibition by TADA VARICH เพื่อเผยแพร่งานภาพถ่ายชุดพิเศษ ในรูปแบบงานอาร์ทไร้การปรุงแต่ง ที่ Mob.F ชั้น 4 สยามเซ็นเตอร์

ในวงการแฟชั่นมีผู้คนหลากหลายอาชีพ ทั้งดีไซเนอร์ นางแบบ นายแบบ สไตลิสต์ ช่างแต่งหน้า ช่างทำผม บรรณาธิการแฟชั่น และอาชีพที่มีความสำคัญในวงการแฟชั่นอีกอาชีพหนึ่ง คือ ช่างภาพ นั่นเอง แม้ในประเทศไทยจะมีช่างภาพแฟชั่นจำนวนมาก แต่มีเพียงไม่กี่คนที่เป็นที่รู้จัก และเป็นที่ยอมรับ ธาดา วาริช หรือ จอร์จ คือหนึ่งในช่างภาพฝีมือดี ที่มีสไตล์เป็นตัวของตัวเองอย่างชัดเจน ด้วยเอกลักษณ์และผลงานอันโดดเด่นนี้ Mob.F มัลติแบรนด์ดีไซเนอร์ไทยที่นำเสนอแฟชั่นสำหรับ คนที่ชื่นชอบกำหนดสไตล์ในแบบของตนเอง จึงปิ๊งไอเดียเก๋ จัดนิทรรศการภาพถ่ายผลงานของ ธาดา วาริช ภายในสยามเซ็นเตอร์ ศูนย์กลางแห่งแฟชั่น โชว์ภาพถ่ายชุด “RABBIT” ผลงานล่าสุดที่กำลังเป็นที่ฮือฮาในวงการ โดยได้รับความร่วมมือการจัดงานจาก มหาวิทยาลัยกรุงเทพ

ธาดา วาริช เล่าว่า “ผลงานชุด RABBIT นี้ เกิดขึ้นจากแรงบันดาลใจที่ได้รับระหว่างการเดินทางไปนิวยอร์ค เริ่มจากแนวคิดที่ต้องการนำเสนอทางเลือกใหม่ที่แตกต่างในกลุ่มนิตยสารภาพที่มีอยู่ทั่วไปในท้องตลาด จึงตั้งใจที่จะทำนิตยสารภาพ “RABBIT” ขึ้นเพื่อนำเสนอศิลปะแห่งธรรมชาติแบบย้อนยุค คุณจะได้พบกับความงามที่บริสุทธิ์ ในภาพเงาของหญิงสาว ท่ามกลางกิ่งไม้และสายธาร เพียงสัมผัสด้วยสายตา คุณจะพบกับความไร้เดียงสา และเสน่ห์ของหญิงสาวที่มาเป็นแบบในครั้งนี้

กว่า 15 ปี ในวงการถ่ายภาพ ธาดา วาริช ได้สั่งสมประสบการณ์มามากมาย ซิกเนเจอร์ที่ โดดเด่นที่เป็นสไตล์ส่วนตัวของเขา คือ การถ่ายภาพหญิงสาว ในแบบดูบริสุทธิ์ เป็นธรรมชาติ ดิบ แต่แฝงไว้ซึ่งความมีเสน่ห์ งดงาม และลุ่มลึก อาจเพราะธาดา วาริช เคยผ่านงานวาดรูปซึ่งเป็นศิลปะที่มักถ่ายทอดสิ่งที่มองเห็นรให้ดูสมใจ เป็นธรรมชาติ ร่วมกับประสบการณ์ในการเรียนรู้ในดินแดนแห่งเสรีอย่างประเทศสหรัฐอเมริกา มุมมองและลีลาในการถ่ายภาพของเขา จึงมีความเฉพาะตัว ที่สร้างความประทับใจ และเข้าถึงคนทั่วไปได้อย่างง่ายดาย ผลงานการถ่ายแบบแฟชั่นในนิตยสาร ทั้งในประเทศไทย และต่างประเทศ ของ ธาดา วาริช มักเป็นที่กล่าวขาน และสร้างสีสันให้แก่วงการอยู่เสมอ

ขอเชิญผู้สนใจชมภาพสวยๆ ผลงานล่าสุดของ ธาดา วาริช ได้อย่างใกล้ชิด และร่วมเป็นเจ้าของนิตยสาร “RABBIT” ที่จัดพิมพ์ด้วยกระดาษพิเศษอัดแน่นด้วยภาพมาสเตอร์พีสกว่า 80 ภาพ ถ่ายทอดนิยามของความงามและศิลปะในการถ่ายภาพ ในงาน “RABBIT” Photo Exhibition by TADA VARICH ที่ Mob.F ชั้น 4 สยามเซ็นเตอร์

NOW...RABBIT MAGAZINE on sale at:
ODEAN BOOK STORE and PONY STONE at siam square soi1
NON TOUCH at jatujak market section1 room44 tel:086-7869090
by AIR MAIL please call 089-9569500

สอบถามรายละเอียดได้ที่ โทร. 0-26581115


See more details and RSVP on PORTFOLIOS*NET Creative Community:
http://www.portfolios.net/events/event/show?id=2988839%3AEvent%3A511289&xgi=2Dhxh8KTtrgC03&xg_source=msg_invite_event
About PORTFOLIOS*NET Creative Community
Art Design Fashion Film Model Music Photography Community where talents can share their works, knowledge and experience.
PORTFOLIOS*NET Creative Community 11668 members
195421 photos
3018 songs
1724 videos
2330 discussions
500 Events
1806 blog posts
 
To control which emails you receive on PORTFOLIOS*NET Creative Community, click here

ข่าวกิจกรรมและหนังสือจากเว็บไซต์สำนักพิมพ์สวนเงินมีมา




ข่าวกิจกรรมและหนังสือจากเว็บไซต์สำนักพิมพ์สวนเงินมีมา
 
.............................................................................................................................
กิจกรรมใหม่
 
 
ความสุขแปรเปลี่ยนโลกได้หรือไม่?
วันที่ ๒-๔ สิงหาคม ๒๕๕๓
ณ ห้องสมาคมนิสิตเก่าคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
 
 
..............................
 
 
การแพทย์แผนธิเบต ครั้งที่ ๑๒
คืนสมดุลให้ชีวิตสู่วิถีพุทธปรัชญา
วันที่ ๑๗-๓๑ กรกฎาคม ๒๕๕๓
ณ ร้านกรีนสวนเงินมีมา
 
 
.............................................................................................................................
หนังสือออกใหม่
 
 
ความหวัง ความฝัน แรงบันดาลใจ : ๑๐๐ ผู้นำวิสัยทัศน์แห่งศตวรรษที่ ๒๐
(Visionaries: The 20th Century’s 100 Most Important Inspirational Leaders)
 
สาทิส กุมาร และ เฟรดดี ไวท์ฟิลด์ บรรณาธิการ / กรรณิการ์ พรมเสาร์ แปล / สดใส ขันติวรพงศ์ บรรณาธิการฉบับแปล
 
 
.............................................................................................................................
หนังสือใกล้ออก
 
 
วิพากษ์ จีดีพีฉบับวิชาการ
The Commission on the Measurement of Economic Performance and Social Progress
สำหรับนักปกครอง นักการเมือง ผู้วางนโยบาย นักวิชาการ นักสถิติ เอ็นจีโอ สื่อสารมวลชน และสาธารณชนส่วนใหญ่
 
โจเซฟ อี. สติกลิตซ์ และทีมงาน เขียน / ภัควดี แปล
 
..............................
 
 
ประชาธิปไตยผืนดิน: ความเป็นธรรม ความยั่งยืน และสันติภาพ
Earth Democracy: Justice, Sustainability and Peace
วันทนา ศิวะ เขียน/ วิไล ตระกูลสิน แปล
 
.............................................................................................................................
ข่าวประกาศ
 
 
สำนักพิมพ์สวนเงินมีมา รับสมัครงาน ตำแหน่ง: เว็บมาสเตอร์/ประชาสัมพันธ์หนังสือ
>>> อ่านรายละเอียด
 
..............................
 
 
ร้านสวนเงินมีมา รับสมัครสมาชิกใหม่ฟรี...รับสิทธิประโยชน์มากมาย
ด่วน!!! ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๕๓
 
.............................................................................................................................

วันอังคารที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ป้องกันการก่อจลาจลด้วยการมีส่วนร่วมภาคประชาชน

ป้องกันการก่อจลาจลด้วยการมีส่วนร่วมภาคประชาชน

by : ทศพนธ์ นรทัศน์
IP : (124.122.251.110) - เมื่อ : 11/03/2010 02:08 PM

การชุมนุมของแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการ (นปช.) หรือ "คนเสื้อแดง" ที่จะมีขึ้นในวันที่ 12-14 มีนาคม 2553 โดยระดมแนวร่วมจากทั่วประเทศมาร่วมชุมนุมทางการเมือง ด้วยจำนวนผู้ชุมนุมที่คาดว่าจะมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของการชุมนุมทางการเมืองที่เคยมีมา แม้ว่าการชุมนุมดังกล่าวจะเป็นเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550

"มาตรา 63 บุคคลย่อมมีเสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบปราศจากอาวุธ การจำกัดเสรีภาพตามวรรคหนึ่งจะกระทำมิได้ เว้นแต่โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายเฉพาะในกรณีการชุมนุมสาธารณะและเพื่อคุ้มครองความสะดวกของประชาชนที่จะใช้ที่สาธารณะ หรือเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย ในระหว่างที่ประเทศอยู่ในภาวะสงคราม หรือในระหว่างเวลาที่มีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือประเทศใช้กฎอัยการศึก"

การที่มีคนมาร่วมชุมชนกันจำนวนมากเช่นนี้ ย่อมสุ่มเสี่ยงต่อการเกิดจราจลเนื่องจากแกนนำผู้ชุมนุมไม่สามารถควบคุมฝูงชนได้และด้วยเหตุที่มีคนจำนวนมากก็อาจเลยเถิดไปสู่การทำอะไรตามใจชอบโดยคิดว่าทำอะไรลงไปก็คงไม่สามารถเอาผิดกับใครได้ เพราะไม่รู้ว่าใครเป็นใคร หรือคนจำนวนมากอย่างนี้เจ้าหน้าที่จะจับกุมอย่างไรไหว แล้วจะนำไปขังที่ไหน? จนเข้าสู่ภาวะจลาจล นำไปสู่การเผาบ้านเผาเมือง สูญเสียทั้งทรัพย์สินหรือแม้กระทั่งชีวิตที่ไม่สามารถควบคุม

การป้องกันมิให้เหตุการณ์อันเลวร้ายดังกล่าวเกิดขึ้นอย่างได้ผลดีที่สุด ก็คือการดึงภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมโดยร่วมทำงานกับเจ้าหน้าที่ของรัฐ เช่น การร่วมตั้งจุดตรวจจุดสกัดทั่วประเทศเพื่อไม่ให้มีการนำอาวุธ สิ่งที่อาจเป็นอาวุธ หรือใช้ก่อเหตุ วางเพลิง เข้าในการชุมนุม การคอยเป็นหูเป็นตาในการแจ้งข่าวสารและเหตุต่างๆ เพราะคนในชุมชน/หมู่บ้าน ย่อมรู้ดีที่สุดว่ามีเหตุอะไรที่ผิดปกติ รู้ว่าใครกำลังทำอะไร ใครที่เป็นคนแปลกหน้าเข้ามาในชุมชน การร่วมกันปกป้องชุมชนและทรัพย์สินของชุมชนจึงเป็นสิ่งที่ควรดำเนินการโดยชุมชน ผู้เขียนยังเชื่อมั่นว่าคนส่วนใหญ่กว่าร้อยละ 80 ของประเทศยังต้องการให้เหตุการณ์บ้านเมืองสงบสุขและเดินหน้าต่อไปได้ ตามวิถีทางของประชาธิปไตยเช่นเดียวกับนานาอารยะประเทศ

การมีส่วนร่วมของประชาชน จึงเป็นเครื่องมือที่น่าจะได้ผลดีที่สุด เพราะการใช้ความรุนแรงไม่ว่าจะโดยฝ่ายใดก็ตาม ย่อมไม่เป็นที่ยอมรับได้อีกต่อไปในยุคโลกาภิวัตน์ที่ข้อมูลข่าวสารสามารถแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว ทุกการกระทำย่อมปรากฏต่อสายตาชาวโลกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ..."การชุมนุมประท้วงใดๆ ก็ย่อมไม่พ้นพุทธพจน์ที่ว่า "ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว" กรรมย่อมเป็นเครื่องชี้เจตนา ทุกคนย่อมไม่อาจหนีกรรมที่ตนได้ก่อไว้ ไม่ว่าจะทำเพียงลำพังหรือทำร่วมกันเป็นจำนวนมากก็ตาม ตามหลักกรรมวิสัย ที่ว่าเรื่องของกรรมนี้เป็นเรื่องที่เหนือวิสัยของมนุษย์ปุถุชนคนธรรมดาจะเข้าใจได้ว่า เมื่อทำกรรมอันหนึ่งอันใดไว้แล้ว ผลที่จะตามมานั้นจะเป็นอย่างไร หรือการที่มนุษย์หรือสัตว์ทั้งหลายที่ได้มาเกิดเป็นมนุษย์หรือเป็นสัตว์ในโลกนี้นั้น ได้กระทำอะไรมาในอดีต เรื่องนี้เราไม่สามารถที่จะรู้เห็นได้ เพราะเป็นเรื่องข้ามภพข้ามชาติ พวกเราเห็นได้แต่สิ่งที่เป็นอยู่ในชาตินี้เท่านั้นเอง แต่เราไม่รู้ว่าชาติก่อนมีจริงหรือเปล่า ชาติหน้ามีจริงหรือเปล่า สิ่งเหล่านี้ไม่สามารถจะรู้ได้จากความนึกคิดของเราเอง แต่เป็นสิ่งที่จะรู้ได้จากการประพฤติปฏิบัติธรรมเท่านั้น คือต้องนั่งสมาธิ เจริญวิปัสสนาเท่านั้น จึงจะเข้าสู่ความจริงอันนี้ได้"

http://job.thaingo.org/writer/view.php?id=1563
ขอเชิญอ่าน blog.Thank you so much.
http://www.thaifreedompress.blogspot.com/
http://sunblog1951.blogspot.com/ sunday
http://blogpwd.blogspot.com/ pwd9
http://ktblog1951.blogspot.com/ pwday
http://newsblog9.blogspot.com/ news
http://bloghealth99.blogspot.com/ health
http://labour9.blogspot.com/ labour
http://www.media4democracy.com/th/
http://www.youngtelecom.org/
http://www.logex.kmutt.ac.th/
http://www.mict4u.net/thai/
http://www.chula.ac.th/visitors/thai/calendar.htm
http://www.agkmstou.com/2008/index.php
http://www.baanjomyut.com/library/lotus/index.html
http://www.asianbarometer.org/newenglish/introduction/default.htm
http://www.isriya.com/node/2809
/wordcamp-bangkok-2009-pool-party
C:\Documents and Settings\user\My Documents\ไฟล์ที่ได้รับของฉัน\issarachon1101.wma
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=hiansoon