วันที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2553 ปีที่ 34 ฉบับที่ 4222 ประชาชาติธุรกิจ The Code Book โดย Simon Singh คอลัมน์ DOG EAR โดย สฤณี อาชวานันทกุล www.fringer.org ในบรรดานัก เขียนภาษาอังกฤษจำนวนหยิบมือเดียวที่สามารถอธิบายวิทยาศาสตร์หรือวิทยาการ สาขาอื่นในบริบทของประวัติศาสตร์และสังคมได้อย่างมีชั้นเชิงไม่แพ้วรรณกรรม ชั้นดี ผู้เขียนเคยแนะนำ James Gleick, Bill Bryson และ Michael Lewis ในคอลัมน์นี้ไปแล้ว วันนี้ขอแนะนำ Simon Singh นักเขียนคนโปรดอีกคนหนึ่งที่มี ผลงานไม่บ่อยนัก แต่ผลงานทุกชิ้นล้วนผสมผสานรายละเอียดทางเทคนิค เกร็ดประวัติศาสตร์ และเรื่องราวของตัวละครเข้าด้วยกันอย่างกลมกลืน Singh เล่าประวัติศาสตร์ของวงการรหัสลับ (cryptography) และความสำคัญต่อประวัติศาสตร์โลก ตั้งแต่อียิปต์โบราณถึงยุคอินเทอร์เน็ตและเทคโนโลยีควอนตัม อย่างสนุกสนานและเต็มไปด้วยเกร็ดน่ารู้มากมายใน The Code Book หนังสือเล่มหนา (350 หน้าไม่นับภาคผนวก) ที่อ่านสนุกจนวางไม่ลง และในขณะที่อ่านก็จะซึมซับเรื่องที่ปกติเข้าใจยากเข้าไปโดยไม่รู้ตัว Singh เปิดหนังสือเล่มนี้ด้วยแผนการของพระนางแมรีแห่งสกอตที่จะลอบสังหารพระนางอลิ ซาเบทที่หนึ่ง ราชินีอังกฤษในศตวรรษที่ 16 แต่แผนของพระนางแมรีล้มเหลวไม่เป็นท่าเมื่อเซอร์ Francis Walshingham ที่ปรึกษาของพระนางอลิซาเบทสามารถถอดรหัสแผนลับของพระนางแมรี ส่งผลให้พระองค์ถูกพิพากษาประหารชีวิตในข้อหากบฏ เมื่อเล่าเรื่องตื่นเต้นเรื่องนี้จบลง Singh ก็พาเราย้อนเวลากลับไปในอดีต ไปถึงหลักฐานการเข้ารหัสที่เก่าแก่ที่สุดเท่าที่ค้นพบในอียิปต์ เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน ระหว่างทางเขาอธิบายวิธีการเข้ารหัสที่หลากหลายอย่างน่าทึ่งจากแทบทุกสมัย และแทบทุกทวีปทั่วโลก เช่น รหัสลับที่คู่รักสมัยวิกตอเรียนแอบซ่อนในโฆษณาย่อยเพื่อสื่อสารกันเพราะสมัย นั้นสังคมยังไม่ยอมรับการแสดงความรักอย่างเปิดเผย แผนที่ขุมทรัพย์ในถิ่นคาวบอยของอเมริกาที่ต้องแกะรหัสถึงจะอ่านรู้เรื่อง รหัสลับของอินเดียนแดงเผ่านาวาโฮที่ช่วยให้ฝ่ายสัมพันธมิตรชนะสงครามโลก ครั้งที่สอง แม้แต่รหัสลับที่ Arthur Conan Doyle คิดค้นสำหรับ The Adventures of the Dancing Men เรื่องสั้นนักสืบ Sherlock Holmes ชิ้นเอกของเขาก็ยังไม่วายถูก Singh นำมาถ่ายทอดอย่างสนุกสนานใน The Code Book บทที่สนุกที่สุดในความเห็นของผู้เขียนคือบทที่ Singh ฉายภาพสงครามโลกครั้งที่สองจากมุมที่มันเป็น "สงครามระหว่างนักเข้ารหัส (codemakers) กับนักถอดรหัส (codebreakers)" ที่การถอดรหัสเป็นไปอย่างเร้าใจและมีบทบาทที่พลิกประวัติศาสตร์โลกมากที่สุด เขาอธิบายวิธีทำงานของ Enigma เครื่องถอดรหัสอันโด่งดังชื่อของกองทัพเยอรมนี อย่างมีชั้นเชิงจนแม้แต่คนอ่านที่เกลียดเลขยังเข้าใจ ถ้าวิชารหัสลับเป็นเด็กวัยกำลังโตสมัยที่พระนางแมรีถูกประหารชีวิต มันก็เติบโตเป็นผู้ใหญ่ในสงครามโลกครั้งที่สอง และมีส่วนสำคัญในการตัดสินความสำเร็จของทั้งสองฝ่าย Singh เล่าภารกิจที่หนักหนาสาหัสของนักวิเคราะห์รหัสฝ่ายสัมพันธมิตรที่ต้องหาทาง ถอดรหัสของเยอรมนีให้ได้ ในสถานการณ์คับขันที่เยอรมนีกำลังจะมีชัย เรื่องราวของรหัสลับในสงครามโลกครั้งที่สองและเรื่อง สนุก ๆ อีกหลายเรื่องที่ Singh เล่าใน The Code Book ชี้ให้เห็นว่า ในภาวะสงคราม ความกลัวว่าจะพ่ายแพ้ต่อศัตรูเป็นแรงผลักสำคัญให้นักวิเคราะห์รหัสมุมานะหา ทางถอดรหัสจนสำเร็จ หลังสงครามจบลง ความรู้สึกอยาก "ลองดี" ของนักถอดรหัส กับความรู้สึก "ท้าดวล" ของนักออกแบบรหัส ก็ประกอบเป็นความเป็นปฏิปักษ์ฉันมิตรที่ผลักดันให้วงการนี้ก้าวหน้าอย่างต่อ เนื่อง ต่อมาเมื่อโลกเข้าสู่ยุคสังคมข้อมูลข่าวสารปลายศตวรรษที่ 20 แรงจูงใจหลักที่ขับเคลื่อนความก้าวหน้าก็มีทั้งแรงจูงใจทางเศรษฐกิจและแรง จูงใจของผู้รักเสรีภาพที่จะปกป้องความเป็นส่วนตัว ในยุคที่บริษัทแทบทุกแห่งพึ่งพาอินเทอร์เน็ตในการทำธุรกรรมและธุรกิจ พวกเขาต้องการรหัสลับที่มีความปลอดภัยสูงมากเพื่อรับประกันว่าความลับจะไม่ รั่วไหลไปอยู่ในมือของแฮกเกอร์ คู่แข่ง หรือหน่วยงานกำกับดูแลของรัฐ รัฐบาลต้องการรหัสลับที่มีความปลอดภัยสูงกว่านั้นอีกด้วยเหตุผลด้านความมั่น คง ส่วนคนธรรมดาก็อยากเข้ารหัสเหมือนกันเพื่อปกป้องการสื่อสารประจำวันให้เป็น ข้อมูลส่วนตัวจริง ๆ ในสังคมเสรี (ชาวเน็ตไทยจะยังไม่รับรู้เรื่องนี้กันเท่าที่ควร) สำหรับด้านถอดรหัส คนที่อยากหาวิธีถอดรหัสก็คือบริษัทที่อยากล้วงความลับคู่แข่ง รัฐบาลที่อยากทำลายเครือข่ายการก่อการร้าย และแฮกเกอร์ที่อยากแฮกข้อมูลไปขายหรือทำเพื่อความสะใจของตัวเอง จะได้ไปโม้ให้เพื่อนชาวแฮกเกอร์ฟังได้ว่า ฉันแฮกเว็บนั้นเว็บนี้ได้นะ ด้วย เหตุนี้ การต่อสู้ระหว่างนักเข้ารหัสกับนักถอดรหัสจึงดำเนินไปอย่างไม่หยุดยั้ง และการต่อสู้นี้เองที่กระตุ้นการประดิษฐ์คิดค้นรหัสลับใหม่ ๆ ที่แข็งแกร่งกว่าเดิม Singh อธิบายรหัสลับยุคอินเทอร์เน็ตอย่างสนุกสนานและเข้าใจง่าย โดยเฉพาะหนึ่งบทในหนังสือที่ว่าด้วยกำเนิดและวิธีทำงานของ PGP (ย่อมาจาก Pretty Good Privacy) วิธีเข้ารหัสและยืนยันตัวตนที่คิดค้นในปี 1991 โดย Phil Zimmerman และได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางจากผู้ใช้เน็ตสืบมาจนปัจจุบัน ใน บทสุดท้ายของหนังสือ Singh อธิบายหลักฟิสิกส์ที่อยู่เบื้องหลังรหัสลับควอนตัม สาขารหัสใหม่เอี่ยม ได้ดีจนใครที่ไม่เคยเข้าใจควอนตัมฟิสิกส์จะถึงบางอ้อ บทเดียวใน The Code Book ที่ผู้เขียนรู้สึกว่ามีรายละเอียดเยอะเกินไปและน่าเบื่อไปหน่อย ถึงแม้ว่าประเด็นหลักจะน่าสนใจ คือบทที่ Singh ออกนอกเรื่องไปพูดถึงภาษา เริ่มจากการใช้ภาษาอินเดียนแดงเผ่านาวาโฮสร้างรหัสลับให้กับฝ่ายสัมพันธมิตร ในสงครามโลกครั้งที่สอง วกไปเข้าเรื่องภาษาโบราณต่าง ๆ อย่างละเอียด ทำให้รู้สึกอยากรีบอ่านให้จบ ไว ๆ จะได้กลับไปฟัง Singh เล่าเรื่องรหัสลับต่อ ถ้า คุณอยากเข้าใจว่าความปรารถนาของมนุษย์ที่จะพิทักษ์ความลับและความเป็นส่วน ตัวได้สะท้อนให้เห็นผ่านรหัสลับอย่างไรตั้งแต่อดีตจวบจนปัจจุบัน The Code Book ก็เป็นหนังสือที่ดีที่สุดที่จะตอบคำถามนี้และคำถามอื่น ๆ ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน Singh เป็นนักเขียนที่มีพรสวรรค์อย่างยิ่งในการอธิบายกฎคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยียาก ๆ ให้เข้าใจง่าย และอธิบายนิสัยและชีวิตของตัวละครสำคัญ ๆ ในประวัติ ศาสตร์รหัสลับได้อย่างมีชีวิตชีวา นอกจากจะเป็นหนังสือเกี่ยวกับรหัสลับที่ดีอย่างที่ผู้เขียนไม่คิดว่าจะมีทาง เขียนได้ดีกว่านี้อีก The Code Book ยังจะทำให้คุณเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าอีเมล์ส่วนตัวนั้น "ส่วนตัว" แค่ไหน และหนังสือสารคดีที่สามารถบรรลุจุดสมดุลขั้นยากระหว่างคำอธิบายทางเทคนิคกับ การเล่าเรื่องราวน่าฟังนั้นทำแบบนี้ได้ดีเพียงใด :D หมายเหตุ : The Code Book ฉบับตีพิมพ์ครั้งแรกมีรหัสลับ 10 ชิ้นท้ายเล่มให้คนอ่านลองถอดชิงรางวัล 10,000 ปอนด์ อ่านเรื่องราวของทีมมือสมัครเล่นจากสวีเดนที่ถอดรหัสสำเร็จได้ที่ http://www.codebook.org/ (หน้าพิเศษ D-Life) หน้า 14 |
ขอเชิญอ่าน blog.Thank you so much.
http://www.thaifreedompress.blogspot.com/
http://sunblog1951.blogspot.com/ sunday
http://blogpwd.blogspot.com/ pwd9
http://ktblog1951.blogspot.com/ pwday
http://newsblog9.blogspot.com/ news
http://bloghealth99.blogspot.com/ health
http://labour9.blogspot.com/ labour
http://www.media4democracy.com/th/
http://www.youngtelecom.org/
http://www.logex.kmutt.ac.th/
http://www.mict4u.net/thai/
http://www.chula.ac.th/visitors/thai/calendar.htm
http://www.agkmstou.com/2008/index.php
http://www.baanjomyut.com/library/lotus/index.html
http://www.asianbarometer.org/newenglish/introduction/default.htm
http://www.isriya.com/node/2809
/wordcamp-bangkok-2009-pool-party
C:\Documents and Settings\user\My Documents\ไฟล์ที่ได้รับของฉัน\issarachon1101.wma
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=hiansoon
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น