ชมพุทธประวัติ ฉบับการ์ตูน

Art of Asia: Buddhism - The Art of Enlightenment

ใครๆก็แก้กฎหมายได้(คุณก็ด้วย)

การแนะแนว"อนาคตประเทศไทยกับ 10 อาชีพสุดฮิพ"จัดโดยมูลนิธิไทยคม 10-11 ต.ค.52

Bookmark and Share

วันพุธที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2553

"จุดขาย" สำคัญของอังกฤษในวันนี้ก็คือ "พรีเมียร์ลีก" ฟุตบอลลีกของอังกฤษ ที่ถือกันว่าเป็นลีกที่ดีที่สุดในโลกขณะนี้


วันที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2553 ปีที่ 19 ฉบับที่ 7048 ข่าวสดรายวัน


ทัวร์อังกฤษ พรีเมียร์ลีก&โรงกลั่น


สมบัติ สวางควัฒน์/รายงาน




อังกฤษเป็นประเทศเก่าแก่ มีประวัติความเป็นมาอันยาวนาน เคยยิ่งใหญ่ด้วยเหตุที่ครอบครองอาณานิคมไปทั่วโลก ถึงขนาดที่เรียกได้ว่าเคยครองพื้นที่โลกถึงหนึ่งในสี่

แต่อดีตเหล่านั้นผ่านเลยไปแล้ว

ปัจจุบัน อังกฤษ ไม่ใช่เจ้าอาณานิคมอันเกรียงไกรอีกต่อไป เหลือพื้นที่เป็นเกาะเล็กๆ ที่มีขนาดเล็กกว่าประเทศไทยเสียอีก

แต่ถึงอย่างนั้น "อังกฤษ" ก็ยังมีเสน่ห์ในแบบฉบับของตัวเอง นอกจากอากาศครึ้มฟ้าครึ้มฝนอยู่เกือบตลอดปีแล้ว เกาะขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่แห่งนี้มีประวัติศาสตร์ เรื่องเล่าอันเก่าแก่มากมาย เป็นแหล่งรวมศิลปะ วัฒนธรรม ความบันเทิง หลากหลายรูปแบบของยุโรป

และที่เป็น "จุดขาย" สำคัญของอังกฤษในวันนี้ก็คือ "พรีเมียร์ลีก" ฟุตบอลลีกของอังกฤษ ที่ถือกันว่าเป็นลีกที่ดีที่สุดในโลกขณะนี้

ต้น เดือนก.พ.ที่ผ่านมา บริษัท เพอร์น็อต ริคาร์ด ประเทศไทย จำกัด เจ้าของผลิตภัณฑ์ 100 ไพเพอร์ส ดีลักซ์ สกอตช์ วิสกี้ ผู้ถือลิขสิทธิ์ "100 แฟนตาซี ฟุตบอล" เกมฟุตบอลออนไลน์ต้นตำรับจากประเทศอังกฤษ ได้นำผู้ชนะเลิศที่มีคะแนนสะสมในช่วงครึ่งฤดูกาลแรก ประจำฤดูกาล 2009-2010 คือ ศิรินภา ชัยวนนท์ พร้อมด้วยเพื่อนผู้โชคดีคือ สุธิพงษ์ โปธา เดินทางไปสัมผัสเกมพรีเมียร์ลีกถึงขอบสนาม พร้อมด้วยคณะสื่อมวลชนกลุ่มเล็กๆ โดยมี "ฉัฐกานต์ วรรณกูล" ผู้จัดการอาวุโสของฮันเดรด ไพเพอร์ส สกอตช์ วิสกี้ เป็นหัวหน้าคณะ

การ เดินทางไปครั้งนี้ นอกเหนือจากให้คณะได้สัมผัสเกมพรีเมียร์กันอย่างจะจะตาแล้ว ยังต้องการให้ทุกคนได้สัมผัสความเป็น "อังกฤษ" ในมุมมองใหม่ ได้อย่างรอบด้านและลึกซึ้งกว่าเดิมอีกด้วย

คณะทั้งหมดเดินทางถึงสนาม บินฮีธโทรว์ หนึ่งในสนามบินระดับโลกที่มีเครื่องบินขึ้นลงเกือบตลอด 24 ชั่วโมง ในช่วงเช้าของวันที่ 8 ก.พ. โดยมีสายฝนพรำลงมาผสานไปกับลมหนาวยะเยือก เป้าหมายในวันแรกไม่ได้อยู่ที่การเดินทางเข้าสู่ลอนดอน นครหลวงอันลือชื่อ แต่เป็นการนั่งเครื่องบินต่อไปยังทางตอนเหนือของเกาะอังกฤษ เพื่อชื่นชมทัศนีย ภาพอันงดงามของสกอต แลนด์ ใช้เวลาเดินทางราว 50 นาที ก็เดินทางถึงสนามบินอเบอร์ดีน ซึ่งอยู่ทางตะวันออกของสกอตแลนด์



ถึงอเบอร์ดีนแล้ว คณะทั้งหมดต้องฝ่าลมหนาว พร้อมกับหิมะที่โปรยปรายลงมา พร้อมกับอุณหภูมิ ที่ลดลงต่ำเหลือแค่ 3 องศาเซลเซียส เพื่อนั่งรถโค้ชต่อไปยังเมืองคีธ ซึ่งเป็นที่ตั้งโรงกลั่น "สกอตช์ วิสกี้" อันลือชื่อ โดยตลอดเส้นทางมองเห็นทุ่งหญ้าเขียวขจีไกลสุดลูกหูลูกตา มีแกะ วัว นับพันตัวเรียงรายอยู่เต็มท้องทุ่ง ที่มองเห็นไกลลิบออกไปคือเนินเขาสูงที่ปกคลุมด้วยสีขาวของหิมะ โดยมีปราสาท บ้านทรงโบราณ ผุดขึ้นมาอยู่ตามเนินเขา

ใช้เวลาราว 1 ชั่วโมง คณะทั้งหมดเดินทางถึงปราสาท "ลิน เฮาส์" บ้านรับ รองที่ให้ความรู้สึกขรึมขลัง เป็นปราสาทเก่าแก่ที่มีอายุกว่า 150 ปี ภายใน ตกแต่งอย่างสวยงาม หรูหรา ในขณะที่ทั่วบริเวณรายล้อมไปด้วยเกล็ดหิมะขาวโพลนไปทั่ว โดยมีเสียงน้ำไหลของของแม่น้ำสายเล็กๆ ได้ยินมาแผ่วๆ

ในการเดินทางมา ถึงครั้งนี้ทางคณะได้เข้าเยี่ยมชมโรงกลั่น "สเตรตไอล่า" ซึ่งเป็นโรงกลั่นสุราที่ต้องผสมผสานระหว่างศาสตร์และศิลป์ ก่อนจะได้สกอตช์วิสกี้ขนานแท้ที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลก

โดยการผลิตสก อตช์วิสกี้ ถือเป็นวัฒนธรรมอันเก่าแก่ที่สืบทอดกันมายาวนานในสกอตแลนด์ วิธีการผลิต รวมไปถึงมารยาทในการดื่ม มีแบบฉบับเป็นของตัวเอง โดย "Scotch Whisky" หรือที่รู้จักในนาม Scotch อันเป็นที่รู้จักกันไปทั่วโลกนั้น ต้องกลั่นในสกอตแลนด์เท่านั้น และบ่มในถังไม้โอ๊กไม่ต่ำกว่า 3 ปี โดยจะไม่มีการบ่มไว้ในขวด เพราะมีแต่การบ่มด้วยถังไม้โอ๊กเท่านั้นที่จะทำให้เหล้ามีอายุเพิ่มขึ้น

วิสกี้ ตามมาตรฐานสากล กำหนดไว้ว่า จะต้องผลิตจากธัญพืชประเภท "ข้าว" เท่านั้น โดยสกอตแลนด์ใช้ข้าวบาร์เลย์มากกว่าข้าวชนิดอื่น นอกจากนั้นก็ยังมีข้าวสาลี ข้าวบาร์เลย์งอก (Malted Barley) ข้าวไรน์งอก (Malted Rye) โดยวิสกี้แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ คือ พวก Malted Whisky ซึ่งทำมาจาก Malt Barley หรือข้าวบาร์เลย์งอก ส่วนอีกพวกคือ Grain Whisky ซึ่งผลิตจากทั้ง Malted และ ข้าวบาร์เลย์ ปกติ



โดย ขั้นตอนการผลิตวิสกี้ เริ่มต้นจากการทำมอลติง ซึ่งเป็นการนำเมล็ดข้าวมาเป็นทำเป็นมอลต์ จากนั้นจึงเป็นทำแมชชิ่ง อันหมายถึง การนำมอลต์มาละลายต้มน้ำ จากนั้นจึงนำไปสู่ขั้นตอนหมัก คือการเติมเชื้อยีสต์เข้าไปแล้ว แล้วจึงกลั่นจนได้เป็นวิสกี้สีขาว แล้วจึงมาถึงขั้นตอนสุดท้าย คือการบ่ม ซึ่งจะใช้เวลาบ่มในถังไม้โอ๊ก 3-5 ปีขึ้นไป

การผลิตวิสกี้ที่ได้รับความนิยมมากในขณะนี้ก็คือ การเบลนด์ วิสกี้ หรือที่เรียกว่า วิสกี้ผสม โดยมาจากการผสมของ Malt กับ Grain Whisky โดยเป็นการผสมเหล้าจากหลายโรงกลั่นเพื่อให้ได้รสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งจะต้องรู้ทั้งชนิด แหล่งกำเนิด และคุณลักษณะของวิสกี้แต่ละชนิดอย่างแจ่มแจ้ง

การผลิตสกอตช์ วิสกี้ จึงต้องใช้ทั้งความรู้ สภาพอากาศ กระบวนการกลั่น ไปรวมถึงถังไม้ที่ใช้บ่ม เพื่อให้รสชาติออกมากลมกล่อมที่สุด ถือเป็น "ศิลปะ" อย่างหนึ่งก็คงไม่ผิดนัก

นอกจากเยี่ยมชมกระบวนการผลิต "สกอตช์ วิสกี้" แล้ว คณะจากเมืองไทยยังได้สัมผัสวิถีชีวิตดั้งเดิมของคนท้องถิ่นหลายอย่างไม่ว่า จะเป็นกิจกรรมกลางแจ้ง อย่างการตกปลา และล่าสัตว์ และชมทิวทัศน์อันงดงามของชนบทในสกอต แลนด์ ถือเป็นประสบการณ์ที่น่าประทับใจเป็นอย่างยิ่ง

หลังจากใช้เวลา 2 วันเต็มในสกอตแลนด์ คณะทั้งหมดเดินทางกลับมาสู่ลอนดอนอีกครั้ง เพื่อเข้าชมเกมการแข่งขันฟุตบอลคู่บิ๊กแมตช์ระหว่าง "ปืนโต"อาร์เซนอล และ "หงส์แดง"ลิเวอร์พูล ที่สนามเอมิเรตส์ สเตเดี้ยม โดยได้นั่งชมในชั้น "เอ็กเซ็กคิวทีฟ บ็อกซ์" ซึ่งเป็นห้องชมเกมในฐานะแขกวีไอพี มีห้องเป็นสัดส่วนของตัวเอง มีเครื่องดื่ม อาหาร ให้บริการตลอดเวลา

แม้ ว่าจะแข่งขันเป็นคู่หัวค่ำ ท่ามกลางสายลมหนาว และมีหิมะ สายฝนโปรยปรายลงมาเป็นระยะ แต่รสชาติของเกมก็เป็นไปอย่างสนุกสนาน สีสันของกองเชียร์ละลานตาสร้างความคึกคักให้กับคณะผู้มาเยือนจากเมืองไทย เป็นอย่างยิ่ง

เกมการแข่งขันจบลงโดยอาร์เซนอลเบียดเอาชนะไป 1-0 ประตู ท่ามกลางความผิดหวังของกองเชียร์ "หงส์แดง" ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผู้ร่วมคณะมาจากเมืองไทยด้วย แต่ผลแพ้-ชนะก็ไม่สำคัญเท่ากับการได้มาสัมผัสพรีเมียร์ลีกแบบติดขอบสนาม และได้เห็นซูเปอร์สตาร์คนดังอย่าง เชส ฟาเบรกาส, สตีเฟ่น เจอร์ราร์ด ฯลฯ แบบตัวเป็นๆ

รุ่งขึ้นหลังจากได้ชมเกม "บิ๊กแมตช์" อย่างเต็มอิ่มแล้ว คณะทั้งหมดยังได้มีโอกาสเข้าไปเยี่ยมชมสโมสรฟุตบอลยักษ์ใหญ่ในลอนดอนถึง 3 สนามด้วยกัน คือ ไวต์ ฮาร์ตเลน ของทีม "ไก่เดือยทอง" สเปอร์, สนามเอมิเรตส์ สเตเดี้ยม ของอาร์เซนอล รวมไปถึงสนามสแตมฟอร์ด บริดจ์ ของทีม "สิงโตน้ำเงินคราม"เชลซี รวมทั้งมีโอกาสได้เข้าเยี่ยมห้องพักนักเตะ และแอ๊กมาดถ่ายรูปกับเสื้อของนักเตะคนดังกันอย่างปลาบปลื้ม

ซึ่งแต่ ละสโมสรก็มีรูปแบบ ความหรูหรา ประวัติความเป็นมาอันแตกต่างกัน แต่ทุกสโมสรได้แสดงให้เห็นถึงการพัฒนาเพื่อเข้าสู่ระบบ "ธุรกิจ" กันแบบเต็มตัวในอนาคตอันใกล้นี้ ไม่ว่าจะเป็นการปรับปรุงสนาม หรือสร้างสนามแห่งใหม่ การเปิดร้าน "เมกะสโตร์" เพื่อขายสินค้าที่ระลึกอย่างเป็นล่ำเป็นสัน

นอกเหนือไปจากนั้น คณะจากเมืองไทยยังได้มีโอกาสเยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อในลอนดอน หลายแห่งไม่ว่าจะเป็น ทาวเวอร์ บริดจ์, หอนาฬิกา "บิ๊กเบน", มหาวิหารเซนต์พอล และ มหาวิหารเวสต์มินสเตอร์ ฯลฯ รวมไปถึงร่วมรับประทานอาหารค่ำในร้าน "เชอร์ล็อก โฮล์มส์ ผับ" ซึ่งมีโอกาสพบกับบรรยากาศและเรื่องราวอันอมตะของยอดนักสืบเชอร์ล็อก โฮล์มส์ ผู้โด่งดัง

ได้ความประทับใจที่ได้เรียนรู้ความเป็น "อังกฤษ" อย่างถ่องแท้และรอบด้าน


หน้า 21
http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROamIyd3dNVEUzTURNMU13PT0=&sectionid=TURNd013PT0=&day=TWpBeE1DMHdNeTB4Tnc9PQ==

--
โปรดอ่านบล็อก
http://www.pridiinstitute.com
http://www.nakkhaothai.com
http://apps.facebook.com/blognetworks/index.php
http://www.roundfinger.com/
http://twitter.com/sweetblog
http://twitter.com/oknewsblog
http://twitter.com/okblogger
http://twitter.com/sat191
http://www.pacc.go.th/
http://twitter.com/okblogchan
http://twitter.com/sun1951
http://twitter.com/smeblogger
http://twitter.com/seminarblog
http://twitter.com/sunnewsblog
http://twitter.com/okworldblog
http://twitter.com/ktblogger
http://twitter.com/sundayblog
http://twitter.com/mondayblog
http://twitter.com/tuesdayblog
http://twitter.com/wednesdayblog
http://twitter.com/thursdayblog
http://twitter.com/fridayblog
http://twitter.com/saturdayblog
http://www.deepsouthwatch.org/node/687
http://www.tu.ac.th/org/ofrector/tu_council/record/nopporn.htm
http://www.visalo.org/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น