"ว.วชิรเมธี" ปะทะ "ก่อศักดิ์" ถก"สามก๊ก" ในมุม "ธรรมะ"สร้างผู้นำ
![]() |
"ก่อศักดิ์ ไชยรัศมีศักดิ์" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ซีพี ออลล์ เป็นคนหนึ่งที่เห็นแย้งกับเรื่องนี้ โดยบอกว่า สามก๊กไม่ใช่หนังสือที่อ่านแล้วจะกลายเป็นคนมีเล่ห์เหลี่ยมและเต็มไปด้วย ความโหดเหี้ยม แต่ยังมีเรื่องของคุณความดีที่สามารถนำไปเป็นแบบอย่างได้
ใน ฐานะที่ชอบอ่านเรื่องสามก๊กมาตั้งแต่เด็ก ซีอีโอซีพี ออลล์ ยืนยันว่า อ่านสามก๊กกี่จบก็คบได้ ถ้าหากใช้ความคิดที่เข้มข้น มองทะลุชีวิตจิตใจคน มองเห็นผลแห่งกรรมที่เป็นไป
หนังสือ "อ่านสามก๊ก...ถกบริหาร" เป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ที่ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ซีพี ออลล์ หยิบเรื่องราวการบริหารคนของผู้นำเก่ง ๆ ในยุคสามก๊กซึ่งถือเป็นยุคที่มีสีสันมากยุคหนึ่งในประวัติศาสตร์ของจีนมาให้ ผู้ที่สนใจได้ เรียนรู้แนวทางการบริหารของผู้นำทั้ง สามก๊กที่มีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
และเมื่อเร็ว ๆ นี้ ซีอีโอทางโลก"ก่อศักดิ์ ไชยรัศมีศักดิ์" ก็ได้นัดพบซีอีโอทางธรรม "พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี" หรือที่สาธุชนคุ้นเคยกันดีในนาม "ว.วชิรเมธี" เปิดเวทีพูดคุยในหัวข้อ "อ่านสามก๊ก...ถกธรรมะ" ซึ่งเป็นงานเสวนานัดพิเศษในโครงการเรายกวัดมาไว้ที่เซเว่นฯ
บนชั้น 11 ของอาคารซี.พี.ทาวเวอร์ ถนนสีลม จึงเนืองแน่นไปด้วยผู้คนที่อยากร่วมค้นหาคำตอบ และฟังมุมมอง ของ 2 ซีอีโอในเรื่องนี้
และ ด้วยบทบาทหน้าที่ของซีอีโอทางโลกและซีอีโอทางธรรมที่อาจแตกต่างกันอย่างสิ้น เชิง มุมมองและวิธีคิดเรื่องธรรมะในสามก๊กที่ถูกหยิบมานำเสนอมีสีสันไม่แพ้ เวทีอื่น
ว.วชิรเมธี เปิดเวทีเสวนา ด้วยการย้อนอดีตให้ฟังว่า หลังจากที่เข้ามาเรียนรู้เรื่องธรรมะก็เห็นว่า การรู้เรื่องธรรมะอย่างเดียวไม่เพียงพอ เปรียบเสมือนคนที่มีตาข้างเดียว จึงต้องหาสะพานเชื่อมหาวิธีอธิบาย ในวัยเด็กชอบอ่านสามก๊ก เพราะรู้สึกว่าอ่านแล้วสนุก จึงคิดว่าเรื่องราวของสามก๊กน่าจะเป็นสะพานเชื่อมระหว่างทางโลกกับทางธรรม ได้ เป็นวิธีการอธิบายธรรมะผ่านการเล่าเรื่อง
"ถ้าเรานำบุคลิกของตัวละครแต่ละคนมาอธิบายเป็นธรรมะง่าย ๆ จะพบว่า ชีวิตคนเรานั้นแบ่งเป็นสามก๊กจริง ๆ คือก๊กโลภ ก๊กโกรธ และก๊กหลง"
ตัวอย่าง ตัวละครที่เป็นตัวแทนของ "ก๊กโลภ" ในมุมของ "ว.วชิรเมธี" คือลิโป้ ผู้ที่ยอมฆ่าพ่อตัวเองเพียงเพราะความโลภอยากเป็นหัวหน้ากองทัพใหญ่
ตัว แทนของ "ก๊กโกรธ" คือเตียวหุย ซึ่งรบชนะมาร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำ แต่ต้องมาตายด้วยน้ำมือลูกน้องตัวเอง เพราะใช้ความโกรธในการสั่งการ
ส่วน "ก๊กหลง" นั้น "ว.วชิรเมธี" มองว่า มีอยู่ในทุกตัวละคร เพราะทุกคนล้วนหลงอยู่ในวังวนของลาภ, ยศ, ทรัพย์สิน, อำนาจ และอิสตรี ตัวเอกในวรรณกรรมส่วนใหญ่จะหลงอยู่ในเกมแห่งอำนาจ
ซึ่งมองสอดคล้องกับ "ก่อศักดิ์" ที่ยกตำแหน่งตัวแทนแห่งความโลภให้กับลิโป้
ถึง แม้สามก๊กจะเป็นเรื่องราวของการทำสงครามแย่งชิงความเป็นใหญ่ แต่ก็ให้ข้อคิดหลายเรื่องในการทำงาน ที่น่าสนใจคือเรื่องของอิทธิบาท 4 ฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา และไตรสิกขา
ในเรื่องนี้ "ว.วชิรเมธี" พระนักเทศน์ชื่อดังได้ฉายภาพอิทธิบาท 4 ให้ฟังว่า เป็นคู่มือของการทำงานฉบับที่ใช้ได้ในทุกยุคทุกสมัย ตัวอย่างที่เห็นในเรื่องสามก๊ก คือตัวละครเอกของเรื่องอย่าง "เล่าปี่"
ฉาก ชีวิตของเล่าปี่สะท้อนให้เห็นชัดเจนว่า เล่าปี่นั้นเป็นผู้มี "ฉันทะ" หรือการมีใจรัก เพราะรักและมุ่งมั่นที่จะเป็นฮ่องเต้ ตั้งแต่เด็ก ประกอบกับเป็นคนที่มี "วิริยะ" จึงใช้ความพียรพยายามนานกว่า 30 ปี ก็สามารถก้าวจากชาวบ้านธรรมดาจนได้ขึ้นครองประเทศตอนอายุ 60 ปี
แต่ อย่างไรก็ตาม "เล่าปี่" ก็ยังมี "จิตตะ" คือความอุทิศตนอยู่ในตัวเอง ค่อนข้างสูง ถึงแม้ว่าจะได้เป็นใหญ่แล้ว แต่ก็ยังลดตัวลงคุกเข่าขอร้องขงเบ้ง ซึ่งเป็นเพียงคนหนุ่มไร้ผลงาน แต่มีแววความสามารถสูง ให้ยอมมาร่วมงานด้วย
สุดท้ายในเรื่อง "วิมังสา" คือการใช้ปัญญา เล่าปี่ได้แสดงให้เห็นว่า เขาสามารถใช้ปัญญาในการพัฒนาตัวเอง เริ่มต้นจากคนทอเสื่อขาย แล้วค่อย ๆ พัฒนาตนจนเติบใหญ่กลายเป็นผู้นำแผ่นดินได้
เล่าปี่จึงเป็นตัวอย่าง หนึ่งของผู้บริหารที่ใช้ธรรมะนำทาง จนได้รับการยกย่องจากผู้ที่อ่านสามก๊กและไม่เคยอ่านเรื่องนี้เลยว่าเป็นผู้ มีคุณธรรม โดยคำกล่าวของเล่าปี่ที่ตรึงใจผู้คนจนทุกวันนี้ คือ "อย่าเห็นความดีเพียงเล็กน้อยแล้วเพิกเฉยไม่ทำ อย่าเห็นความชั่วเพียงเล็กน้อยแล้วเผลอไปทำ..."
สำหรับเรื่องของ "ไตรสิกขา" อันประกอบด้วยศีล สมาธิ และปัญญา "ก่อศักดิ์" มองว่า ตัวละครที่น่านับถือ เป็นคนที่มีศีลในเรื่องสามก๊ก คือกวนอู ผู้ที่โจโฉต้องการตัวไปทำงานด้วยหลายครั้ง แต่เขากลับไม่ยอมไป เพราะมีสัจจะภักดี กับเล่าปี่ ส่วนขงเบ้งนั้น ถือว่าเป็นตัวแทนของนักบริหารที่เยี่ยมยอด นอกจากจะเป็นนายกรัฐมนตรีได้แล้ว ยังควบตำแหน่ง ผบ.ทบ.ได้อีก เพราะขงเข้ง ได้ชื่อว่าเป็น ผู้มีสมาธิในการทำงานสูง สามารถใช้สมาธิในการบริหารงานกองทัพได้เป็นอย่างดี แม้จะมีเรื่องราวต่าง ๆ คอยกวนใจ
สำหรับตัวละครที่เป็นตัวแทนของเรื่อง "ปัญญา" นั้น "ก่อศักดิ์" ยกตำแหน่งให้ "อาเต๊า" ผู้ซึ่งรอบตัวเต็มไปด้วยคนที่ประจบสอพลอ แต่เพราะเขามีปัญญา จึงไม่หลงกลใครได้ง่าย ๆ
"จะว่าไปแล้ว สามก๊กก็เป็นเสมือนเงาสะท้อนวิถีชีวิตของผู้คน สะท้อนให้เห็นภาวะผู้นำของแต่ละคน ชั่วโมงนี้ เราอยากได้ผู้นำแบบไหน ลองกลับไปคิดดู"
"ว.วชิรเมธี" ทิ้งท้ายอย่างน่าคิด
หน้า 31
http://www.prachachat.net/view_news.php?newsid=02hmc01150353§ionid=0220&day=2010-03-15
--
โปรดอ่านบล็อก
http://www.pridiinstitute.com
http://www.nakkhaothai.com
http://apps.facebook.com/blognetworks/index.php
http://www.roundfinger.com/
http://twitter.com/sweetblog
http://twitter.com/oknewsblog
http://twitter.com/okblogger
http://twitter.com/sat191
http://www.pacc.go.th/
http://twitter.com/okblogchan
http://twitter.com/sun1951
http://twitter.com/smeblogger
http://twitter.com/seminarblog
http://twitter.com/sunnewsblog
http://twitter.com/okworldblog
http://twitter.com/ktblogger
http://twitter.com/sundayblog
http://twitter.com/mondayblog
http://twitter.com/tuesdayblog
http://twitter.com/wednesdayblog
http://twitter.com/thursdayblog
http://twitter.com/fridayblog
http://twitter.com/saturdayblog
http://www.deepsouthwatch.org/node/687
http://www.tu.ac.th/org/ofrector/tu_council/record/nopporn.htm
http://www.visalo.org/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น